คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 117/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

มูลเหตุที่เจ้าพนักงานไปตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุ เนื่องจากได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการมั่วสุม เสพเมทแอมเฟตามีนและลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่บ้านดังกล่าว และในวันเกิดเหตุเจ้าพนักงานได้รับแจ้งจากสายลับว่า มีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมที่บ้านดังกล่าวอีกและมีเมทแอมเฟตามีนอยู่เป็นจำนวนมากโดยไม่ปรากฏว่ามีการ ร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกันลักลอบ จำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เหตุที่จับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เนื่องจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อยู่ในที่เกิดเหตุ ซึ่งจากการ สอบถาม จำเลยที่ 1 รับว่าที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่จำเลยที่ 1 เช่าอยู่อาศัยโดยจำเลยที่ 1 มิได้ให้การพาดพิงหรือซัดทอด ถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อันจะพอบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย จำเลยที่ 1 ให้การในทันทีทันใดเมื่อถูกเจ้าพนักงานสอบถามไม่มีเวลา ไตร่ตรองเพื่อช่วยเหลือหรือปรักปรำผู้ใด เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ให้การไปตามความสัตย์จริง คำให้การของจำเลยที่ 1 ในขณะนั้นจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ ทั้งในชั้นพิจารณา จำเลยที่ 1 ก็ยังยืนยันว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5มาบ้านจำเลยที่ 1 เพื่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1ไว้เพื่อเสพเท่านั้น ดังนั้น แม้จะจับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5ได้ในขณะอยู่ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในที่เกิดเหตุ แต่ตามพฤติการณ์ และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิด ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้ รับอนุญาตหรือไม่ จึงต้องยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้น ให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งห้าร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 เข้าสู่ร่างกายด้วยวิธีสูดดม ควันอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายและร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนเป็นคราบติดอยู่ที่ถุงพลาสติก ขวดพลาสติกพร้อมท่อโลหะและแท่งโลหะซึ่งเป็นอุปกรณ์ในการเสพกับเมทแอมเฟตามีนจำนวน195 เม็ด น้ำหนักรวม 17.33 กรัม ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต จำเลยที่ 4 ต้องคำพิพากษาถึงที่สุดให้ลงโทษจำคุก 6 เดือน ปรับ 10,000 บาท โทษจำคุกรอการลงโทษไว้ 2 ปี ฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตตามคดีหมายเลขแดงที่ 873/2539 ของศาลชั้นต้น ภายในเวลาที่ศาลรอการลงโทษ จำเลยที่ 4 กลับมากระทำความผิดในคดีนี้อีกขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522มาตรา 4, 7, 8, 15, 57, 66, 67, 91, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 91, 58 ริบของกลาง และบวกโทษจำคุกของ จำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีหมายเลขแดงที่ 873/2539 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกของจำเลยที่ 4 ในคดีนี้
จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5ให้การรับสารภาพฐานร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย แต่ปฏิเสธข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาต และจำเลยที่ 4 รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้บวกโทษที่รอการลงโทษไว้และยังอยู่ในระหว่างที่ศาลรอการลงโทษจริง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยทั้งห้ามีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง,66 วรรคหนึ่ง จำคุกคนละ 8 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 4 ปี บวกโทษจำคุก 6 เดือน ของจำเลยที่ 4 ที่รอการลงโทษไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 873/2539 ของศาลชั้นต้นเข้ากับโทษจำคุกในคดีนี้รวมจำคุกจำเลยที่ 4 มีกำหนด 8 ปี 6 เดือน ริบของกลาง ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ในข้อหาร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตด้วย นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว มีปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาโจทก์เพียงว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายหรือไม่ แม้โจทก์จะมีพันตำรวจตรีมนตรี แป้นเจริญ และสิบตำรวจตรีพนมพร กำแพงแก้ว เบิกความเป็นพยานว่าพยานทั้งสองกับพวกเป็นผู้จับจำเลยทั้งห้าได้ในขณะอยู่ชั้นบนของบ้านที่เกิดเหตุพร้อมยึดเมทแอมเฟตามีน และอุปกรณ์ในการเสพเมทแอมเฟตามีนเป็นของกลางก็ตาม แต่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ก็นำสืบต่อสู้ว่า บ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่จำเลยที่ 1 เช่าอยู่อาศัย วันเกิดเหตุ จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เข้าไปในบ้านดังกล่าวเพื่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 มาเสพเท่านั้นเมทแอมเฟตามีนและอุปกรณ์ในการเสพเมทแอมเฟตามีนของกลางเป็นของจำเลยที่ 1 เห็นว่า มูลเหตุที่พันตำรวจตรีมนตรีกับพวกไปตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุเนื่องจากพันตำรวจตรีมนตรีได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่ามีการมั่วสุมเสพเมทแอมเฟตามีนและลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนที่บ้านดังกล่าว และในวันเกิดเหตุพันตำรวจตรีมนตรีได้รับแจ้งจากสายลับว่ามีกลุ่มวัยรุ่นมั่วสุมที่บ้านดังกล่าวอีกและมีเมทแอมเฟตามีนอยู่เป็นจำนวนมาก พันตำรวจตรีมนตรีกับพวกจึงไปตรวจค้นและจับกุม จากคำเบิกความของพันตำรวจตรีมนตรีไม่ปรากฏว่ามีการร้องเรียนหรือกล่าวหาว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกันลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนทั้งพันตำรวจตรีมนตรีตอบคำถามค้านยอมรับว่า ตามทางสอบสวนไม่ได้รับแจ้งว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 ลักลอบจำหน่ายเมทแอมเฟตามีน เหตุที่จับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 เนื่องจากจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อยู่ในที่เกิดเหตุ นอกจากนี้ยังได้ความจากพันตำรวจตรีมนตรีอีกว่า จากการสอบถามจำเลยที่ 1 ก่อนมีการแจ้งข้อหาแก่จำเลยทั้งห้า จำเลยที่ 1 ยอมรับว่าของกลางที่เจ้าพนักงานตำรวจยึดได้ทั้งหมดเป็นของจำเลยที่ 1โดยจำเลยที่ 1 ได้เมทแอมเฟตามีนของกลางมาจากนายแดงเพื่อนำไปจำหน่ายต่อให้แก่นายปุ๊กที่ตลาดบางแคและบ้านที่เกิดเหตุเป็นบ้านที่จำเลยที่ 1 เช่าอยู่อาศัยไม่ปรากฏว่าจำเลยที่ 1 ให้การพาดพิงหรือซัดทอดถึงจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 อันจะพอบ่งชี้ให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีส่วนร่วมในการกระทำความผิดด้วย จำเลยที่ 1 ให้การในทันทีทันใด เมื่อถูกพันตำรวจตรีมนตรีสอบถามไม่มีเวลาไตร่ตรองเพื่อช่วยเหลือหรือปรักปรำผู้ใด เชื่อว่าจำเลยที่ 1 ให้การไปตามความสัตย์จริง คำให้การของจำเลยที่ 1 ในขณะนั้นจึงมีน้ำหนักให้รับฟังได้ แม้เมื่อจำเลยที่ 1 มาเบิกความเป็นพยานจำเลยที่ 2ถึงที่ 5 ในชั้นพิจารณา จำเลยที่ 1 ก็ยังยืนยันว่า จำเลยที่ 2ถึงที่ 5 มาบ้านจำเลยที่ 1 เพื่อซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 1 ไว้เพื่อเสพเท่านั้นโดยไม่ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยที่ 1 ว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 มีส่วนร่วมกระทำความผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ที่โจทก์ฎีกาว่า เมื่อเจ้าพนักงานตำรวจเข้าตรวจค้นบ้านที่เกิดเหตุ ของกลางต่าง ๆ วางอยู่บนพื้นห้องแสดงว่าจำเลยทั้งห้ากำลังจะเสพเมทแอมเฟตามีนและเมื่อเสพเสร็จน่าเชื่อว่าจำเลยทั้งห้าจะนำเมทแอมเฟตามีนส่วนที่เหลือไปจำหน่ายนั้น เป็นเรื่องคาดคะเนเหตุการณ์อันเป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 โดยปราศจากพยานหลักฐานสนับสนุนส่วนที่โจทก์ฎีกาว่าจำเลยทั้งห้าร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนย่อมมีการแจกจ่ายหมุนเวียนกันเสพจึงมีผลเท่ากับเป็นการจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนนั้น จากคำเบิกความของพยานโจทก์ทั้งสองดังกล่าวไม่ปรากฏว่าขณะที่พยานทั้งสองเข้าตรวจค้นและจับกุม จำเลยทั้งห้ามีการเสพเมทแอมเฟตามีนหรือแจกจ่ายหมุนเวียนกันเสพดังที่โจทก์ฎีกา จึงไม่อาจสันนิษฐานให้เป็นผลร้ายแก่จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้เช่นกัน คดีนี้แม้จะจับจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ได้ในขณะอยู่ร่วมกับจำเลยที่ 1 ในที่เกิดเหตุ แต่ตามพฤติการณ์และพยานหลักฐานที่โจทก์นำสืบ ยังมีความสงสัยตามสมควรว่า จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ ในครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายกฟ้องโดยเห็นว่าพยานหลักฐานโจทก์ มีความสงสัยตามสมควรว่าจำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดดังกล่าวหรือไม่และให้ยกประโยชน์แห่งความสงสัยนั้นให้จำเลยที่ 2 ถึงที่ 5 นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share