คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3645/2526

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คู่ความตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.1 จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ หากต้องรับผิดจำเลยที่ 3 ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนให้แก่โจทก์เต็มตามฟ้อง มิได้ตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยว่าจำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันเกิดเหตุไว้หรือไม่ ฉะนั้นเพียงข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ 3 ได้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ จะให้จำเลยที่ 3 รับผิดต่อโจทก์ย่อมไม่ได้ ต้องพิจารณาต่อไปด้วยว่า การที่จำเลยที่ 3 รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้นั้น จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่
การที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า ตามเอกสารหมาย ล.1 ว.เป็นผู้เอาประกันภัย จำเลยที่ 3 จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อ ว. ต้องรับผิดเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ไม่ปรากฏว่า ว. เกี่ยวข้องกับจำเลยที่ 1 ที่ 2 อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้น เป็นการวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ 3 ตามเอกสารหมาย ล.1 มิใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวน

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียนก.ส.๐๑๘๖๙ ไว้จากนางขวัญใจ มีกำหนดอายุสัญญาประกันภัย ๑ ปี จำเลยที่ ๑ เป็นลูกจ้างปฏิบัติหน้าที่ในทางการที่จ้างของจำเลยที่ ๒ และเป็นผู้ขับขี่รถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ข.ก.๐๕๗๘๒ ซึ่งจำเลยที่ ๓ เป็นผู้รับประกันภัย และขณะเกิดเหตุยังอยู่ในอายุสัญญาประกันภัย จำเลยที่ ๑ ขับรถยนต์บรรทุกด้วยความประมาทเฉี่ยวชนรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ก.ส.๐๑๘๖๙ได้รับความเสียหาย โจทก์จ่ายเงินค่าซ่อมไปแล้วจึงรับช่วงสิทธิมาฟ้อง ซึ่งจำเลยที่ ๓ ในฐานะผู้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ข.ก.๐๕๗๘๒ ต้องร่วมรับผิดต่อโจทก์ด้วย ขอให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยที่ ๑ ขาดนัดยื่นคำให้การ จำเลยที่ ๒ ให้การต่อสู้คดี ต่อมาโจทก์ถอนฟ้องจำเลยที่ ๑ และที่ ๒
จำเลยที่ ๓ ให้การว่า จำเลยที่ ๓ ไม่ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ข.ก.๐๕๗๘๒ จำเลยที่ ๑ ไม่ได้ทำละเมิด รถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ก.ส.๐๑๘๖๙ เสียหายเพียงเล็กน้อย จำเลยที่ ๓ ไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์เพราะผู้เอาประกันภัยปฏิบัติผิดเงื่อนไขในกรมธรรม์ประกันภัยโดยไม่แจ้งเหตุให้ทราบ และตกลงค่าเสียหายโดยไม่ได้รับความยินยอมจากจำเลยที่ ๓
ในวันนัดสืบพยานโจทก์ โจทก์กับจำเลยที่ ๓ ตกลงกันขอให้ศาลวินิจฉัยว่า ตามเอกสาหมาย ล.๑ นั้น จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดหรือไม่ หากต้องรับผิดจำเลยที่ ๓ยอมรับผิดเต็มตามฟ้อง โดยคู่ความไม่ติดใจสืบพยาน
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ ๓ ใช้เงินพร้อมดอกเบี้ยให้โจทก์ตามฟ้อง
จำเลยที่ ๓ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คู่ความตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยเพียงประเด็นเดียวว่า ตามกรมธรรม์ประกันภัยเอกสารหมาย ล.๑ จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่หากจำเลยที่ ๓ ต้องรับผิด จำเลยที่ ๓ ยอมชดใช้ค่าสินไหมทดแทนในนามของผู้เอาประกันภัยให้แก่โจทก์เต็มตามฟ้อง คู่ความมิได้ตกลงท้ากันให้ศาลวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๓ ได้รับประกันภัยรถยนต์บรรทุกคันหมายเลขทะเบียน ข.ก.๐๕๗๘๒ ไว้หรือไม่ ฉะนั้นเพียงแต่ข้อเท็จจริงได้ความว่า จำเลยที่ ๓ ได้รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ จะให้จำเลยที่ ๓ ต้องรับผิดต่อโจทก์ย่อมไม่ได้ ต้องพิจารณาต่อไปอีกว่า การที่จำเลยที่ ๓ รับประกันภัยรถยนต์คันดังกล่าวไว้ตามเอกสารหมาย ล.๑ นั้น จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่ และการที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าตามเอกสารหมาย ล.๑ นายวิศาลเป็นผู้เอาประกันภัย จำเลยที่ ๓ จะต้องรับผิดใช้ค่าสินไหมทดแทนต่อเมื่อนายวิศาลต้องรับผิดเพื่อความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลภายนอก ไม่ปรากฏว่านายวิศาลเกี่ยวข้องกับจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ อย่างใด เมื่อโจทก์ไม่สืบพยานจึงต้องเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้น เป็นการวินิจฉัยความรับผิดของจำเลยที่ ๓ ตามเอกสารหมาย ล.๑ มิใช่เป็นการวินิจฉัยข้อเท็จจริงนอกสำนวน
พิพากษายืน

Share