คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3643/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯข้อ 45 กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างสิทธิของลูกจ้างที่จะเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีจึงเกิดขึ้นเมื่อเลิกจ้าง เมื่อนับแต่วันเลิกจ้างจนถึงวันฟ้องยังไม่เกินกำหนด 2 ปี สิทธิเรียกร้องค่าจ้างดังกล่าวของลูกจ้างไม่ขาดอายุความ
ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ฯ ข้อ 9 กำหนดให้นายจ้างประกาศกำหนดวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่าปีละสิบสามวันโดยรวมวันแรงงานแห่งชาติด้วย แสดงว่าวันหยุดตามประเพณีนั้น นายจ้างได้ประกาศกำหนดวันหยุดไว้ล่วงหน้าแน่นอนแล้ว กรณีลูกจ้างไม่ได้หยุดในวันหยุดตามประเพณีประจำวันใดเมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างตามปกติแล้ว นายจ้างมิได้จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีแก่ลูกจ้าง สิทธิเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีประจำวันนั้นย่อมเกิดขึ้นทันที
ลูกจ้างฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีช่วงตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน 2525 ถึงวันที่ 12 มิถุนายน 2526 โดยไม่ปรากฏว่าในระหว่างปีนั้นมีวันใดเป็นวันหยุดบ้าง และนายจ้างกำหนดจ่ายค่าจ้างตามปกติเดือนละ 2 ครั้ง คือวันที่ 1 และวันที่ 16 ของเดือน ดังนั้นสิทธิเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีในช่วงเวลาดังกล่าวจึงเกิดขึ้นแล้วอย่างน้อยตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2526 เป็นต้นไป เมื่อนับถึงวันฟ้องเกิน 2 ปี สิทธิเรียกร้องค่าจ้างดังกล่าวจึงขาดอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยจ้างโจทก์เป็นลูกจ้างประจำ กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๑ และ ๑๖ ของเดือน ต่อมาวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๗ จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยอ้างเหตุว่าโจทก์นิ้วมือขาด ๓ นิ้วไม่สามารถทำงานต่อไปได้ การที่จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุที่โจทก์ทำงานให้แก่จำเลยจนมือข้างหนึ่งต้องพิการนั้นจึงเป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม โจทก์มีสิทธิได้รับค่าชดเชย สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า นอกจากนี้ช่วงตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๖ และช่วงตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๖ ถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๗ จำเลยมิได้ให้โจทก์หยุดในวันหยุดตามประเพณีซึ่งมีปีละ ๑๓ วัน และมิได้จัดให้โจทก์หยุดสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีปีละ ๖ วัน จำเลยต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดทั้งสองประเภทนั้นแก่โจทก์ ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยทั้งสองจ่ายค่าเสียหายเนื่องจากการเลิกจ้างไม่เป็นธรรม ค่าชดเชยสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณี และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่าจำเลยจ้างโจทก์เมื่อต้นเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ ก่อนหน้านั้นโจทก์เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ ๒ หลังจากโจทก์ทำงานกับจำเลยที่ ๑ ได้ประมาณ ๑๐ วันโจทก์ประมาททำให้ได้รับอันตรายที่นิ้วมือจนไม่อาจทำงานได้ จำเลยที่ ๑ จึงเลิกจ้างโจทก์ในเดือนเดียวกัน โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย สำหรับวันหยุดตามประเพณีนั้นเดือนมีนาคม ๒๕๒๗ ไม่มีวันหยุดตามประเพณี และโจทก์ทำงานกับจำเลยที่ ๑ ไม่ครบ ๑ ปี ไม่มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปี อย่างไรก็ตามจำเลยที่ ๑ ให้โจทก์หยุดในวันหยุดทั้งสองประเภทแล้ว สิทธิเรียกร้องเงินตามฟ้องขาดอายุความขอให้ยกฟ้อง
จำเลยที่ ๒ ให้การว่าฟ้องโจทก์เกี่ยวกับจำเลยที่ ๒ เคลือบคลุมโจทก์ทำงานกับจำเลยที่ ๒ จนถึงสิ้นเดือนกุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ โจทก์ก็ลาออกไปทำงานกับจำเลยที่ ๑ โจทก์หยุดในวันหยุดตามประเพณีและในวันหยุดพักผ่อนประจำปีครบถ้วนแล้วสิทธิเรียกร้องของโจทก์ขาดอายุความ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่าโจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยที่ ๑ เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๔ กำหนดจ่ายค่าจ้างทุกวันที่ ๑ และ ๑๖ ของเดือนจำเลยที่ ๒ เป็นหัวหน้างานและเป็นผู้เลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๗ จำเลยทั้งสองจึงเป็นนายจ้าง การเลิกจ้างมิใช่เป็นการเลิกจ้างไม่เป็นธรรมแต่ไม่ใช่เป็นกรณีเลิกจ้างเพราะโจทก์กระทำความผิด จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ส่วนวันหยุดตามประเพณีและวันหยุดพักผ่อนประจำปีทั้งสองปีนั้นจำเลยมิได้ให้โจทก์หยุด จึงต้องจ่ายค่าจ้างแทน และสิทธิเรียกร้องของโจทก์ไม่ขาดอายุ ความพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชย ๒๗,๐๐๐ บาท สินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า ๒,๔๐๐ บาท ค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณี ๓,๙๐๐ บาท และค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปี ๑,๘๐๐ บาทแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่าที่จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ว่าค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีช่วงตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๖ ขาดอายุความ เพราะโจทก์มิได้ฟ้องภายในกำหนด ๒ ปีนั้น
ศาลฎีกาเห็นว่าตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ ๔๕ กำหนดให้นายจ้างจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้าง ฉะนั้น สิทธิของลูกจ้างที่จะเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีจึงเกิดขึ้นเมื่อเลิกจ้าง จำเลยเลิกจ้างโจทก์เมื่อวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๗และโจทก์ฟ้องคดีเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน ๒๕๒๘ จึงยังไม่ล่วงเลยกำหนด ๒ ปีสิทธิเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีของโจทก์ในช่วงดังกล่าวไม่ขาดอายุความ ส่วนค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีนั้น ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานข้อ ๙ กำหนดให้นายจ้างประกาศกำหนดวันหยุดตามประเพณีไม่น้อยกว่าปีละสิบสามวันโดยรวมวันแรงงานแห่งชาติด้วย แสดงว่าวันหยุดตามประเพณีนั้น นายจ้างได้ประกาศกำหนดวันหยุดไว้ล่วงหน้าแน่นอนแล้ว ดังนั้น กรณีที่ลูกจ้างไม่ได้หยุดในวันหยุดตามประเพณีประจำวันใด เมื่อถึงกำหนดจ่ายค่าจ้างตามปกติแล้ว นายจ้างมิได้จ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีให้แก่ลูกจ้าง สิทธิของลูกจ้างที่จะเรียกร้องเอาค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีประจำวันนั้นยอมเกิดขึ้นทันที แต่คดีนี้โจทก์ฟ้องเรียกค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีเป็นรายปีโดยไม่ปรากฏว่าในระหว่างปีมีวันใดเป็นวันหยุดบ้าง และจำเลยกำหนดจ่ายค่าจ้างตามปกติเดือนละ ๒ ครั้ง คือวันที่ ๑ และวันที่๑๖ ของเดือน ฉะนั้น สิทธิเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีของโจทก์ช่วงตั้งแต่วันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๕ ถึงวันที่ ๑๒ มิถุนายน ๒๕๒๖ จึงเกิดขึ้นแล้วอย่างน้อยตั้งแต่วันที่ ๑๖ มิถุนายน ๒๕๒๖ เป็นต้นไป เมื่อคำนวณถึงวันฟ้องย่อมล่วงเลยกำหนด ๒ ปี สิทธิเรียกร้องค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีของโจทก์ช่วงแรกขาดอายุความ ที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยทั้งสองจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีแก่โจทก์ทั้งสองช่วงหรือทั้งสองปีนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ข้อนี้ของจำเลยทั้งสองฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดตามประเพณีให้แก่โจทก์เป็นเงิน ๑,๙๕๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลแรงงานกลาง

Share