แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ขอให้บังคับจำเลยโอนขายที่ดินของจำเลยให้แก่โจทก์ราคาที่ดินย่อมเป็นทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกเอาจากจำเลย จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณราคาเป็นเงินได้โจทก์ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท โจทก์จำเลยมิได้พิพาทกันเกี่ยวกับเรื่องค่าเช่าตามสัญญาเช่าจำเลยนำสืบสัญญาเช่าเพื่อเป็นการสนับสนุนข้อต่อสู้ของจำเลยเท่านั้นดังนั้น การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าเกี่ยวกับค่าเช่า จึงไม่เป็นการฝ่าฝืน ป.วิ.พ. มาตรา 94 สัญญาเช่าระบุว่าหลังจาก 1 ปี นับแต่วันทำสัญญาผู้ให้เช่าสัญญาว่าจะขายที่ดินพร้อมอาคารและทรัพย์ตามสัญญานี้แก่ผู้เช่าเว้นแต่ผู้เช่าจะไม่รับซื้อ เมื่อการเช่าครบ 1 ปี และผู้ให้เช่าถามผู้เช่าแล้ว ผู้เช่าปฏิเสธไม่รับซื้อ ผู้ให้เช่าจึงสิ้นความผูกพันที่จะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เช่าให้ผู้เช่าตามคำเสนอ.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และนายมรกตได้ทำสัญญาเช่าที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างจากจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี สัญญาเช่าข้อ 12 ระบุว่าหลังจาก 1 ปี นับแต่วันทำสัญญาเช่า จำเลยที่ 1 ให้สัญญาว่าจะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เช่าให้แก่โจทก์ในราคา 7,000,000บาท โจทก์ตกลงกับจำเลยที่ 1 ว่าจะซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวตามสัญญา และจำเลยที่ 1 ยอมขายให้โจทก์โดยให้โจทก์ผ่อนชำระเป็นรายเดือนพร้อมกับค่าเช่า โจทก์ผ่อนชำระค่าเช่าให้จำเลยที่ 1 แล้วเป็นเงิน 700,000 บาทเศษ ต่อมาจำเลยที่ 1ไม่ยอมรับเงินค่าเช่าและบอกเลิกสัญญาเช่า โจทก์ทักท้วงแจ้งให้จำเลยที่ 1 ไปจดทะเบียนโอนขายที่ดินให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ทราบว่าจำเลยที่ 1 ได้จดทะเบียนโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาให้แก่จำเลยที่ 2 โดยเสน่หาและไม่สุจริตเป็นการทำให้โจทก์เสียเปรียบทำให้โจทก์เสียหาย ขอให้เพิกถอนการโอนที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้อง และให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวให้แก่โจทก์ โดยโจทก์และจำเลยที่ 1 เสียค่าธรรมเนียมการโอนกันคนละครึ่ง เมื่อจดทะเบียนโอนแล้ว ให้จำเลยที่ 1รับค่าที่ดินจากโจทก์ หากการโอนที่ดินเป็นพ้นวิสัยหรือเพิกถอนไม่ไดให้จำเลยทั้งสองใช้ค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยทั้งสองให้การว่า จำเลยที่ 1 ให้โจทก์และนายมรกตเช่าเฉพาะสิ่งปลูกสร้างเท่านั้น ข้อตกลงตามสัญญาไม่ผูกพันจำเลยที่โจทก์และนายมรกตปฏิเสธที่จะซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาแล้วข้อตกลงดังกล่าวจึงสิ้นผลไม่ผูกพันจำเลยที่ 1 เงินที่จำเลยที่ 1รับจากโจทก์พร้อมค่าเช่าเป็นค่าไฟฟ้า น้ำประปา และค่าใช้จ่ายที่จำเลยที่ 1 ทดรองจ่ายไปก่อน จำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามฟ้องให้แก่จำเลยที่ 2 โดยสุจริตและมีค่าตอบแทนฟ้องโจทก์เกี่ยวกับการชำระราคาที่ดินและค่าเสียหายเป็นฟ้องเคลือบคลุม ค่าเสียหายขาดอายุความ โจทก์ไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาตามฎีกาของโจทก์ว่า คำขอของโจทก์ที่ให้จำเลยโอนขายที่ดินให้แก่โจทก์ตามสัญญาแล้วรับเงินค่าที่ดินจากโจทก์ ไม่ถือว่าเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้นั้น เห็นว่า การที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยให้โอนที่ดินของจำเลยมาเป็นของโจทก์นั้น ราคาที่ดินย่อมเป็นทุนทรัพย์คือเป็นทุนทรัพย์ที่โจทก์เรียกเอาจากจำเลย เมื่อเป็นดังนี้คดีของโจทก์จึงเป็นคดีที่มีคำขอให้ปลดเปลื้องทุกข์อันอาจคำนวณเป็นราคาเงินได้ โจทก์จึงต้องเสียค่าขึ้นศาลตามจำนวนทุนทรัพย์ที่พิพาท ที่โจทก์ฎีกาว่า การที่นางผะอบเบิกความต่อศาลชั้นต้นว่า สัญญาเช่าลงวันที่ 27 มีนาคม 2520 ค่าเช่าเดือนละ15,000 บาท นั้น ได้ขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 20,000 บาท เป็นกรณีที่จำเลยนำสืบแก้ไขข้อความในเอกสาร ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94 นั้น เห็นว่า คดีนี้โจทก์จำเลยมิได้พิพาทกันเกี่ยวกับเรื่องค่าเช่าตามสัญญาเช่าลงวันที่ 27 มีนาคม 2520 ที่นางผะอบเบิกความถึง จำเลยเพียงแต่นำสืบสัญญาเช่าดังกล่าวเพื่อเป็นการสนับสนุนข้อต่อสู้ของจำเลยในคดีนี้เท่านั้น การที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบแก้ไขข้อความในสัญญาเช่าลงวันที่ 27 มีนาคม 2520 ซึ่งระบุค่าเช่าไว้เดือนละ15,000 บาท ว่าได้ขึ้นค่าเช่าเป็นเดือนละ 20,000 บาท จึงมิได้เป็นการฝ่าฝืนประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94แต่ประการใด… ข้อเท็จจริงฟังได้ว่าเมื่อการเช่าครบ 1 ปีแล้วจำเลยที่ 1 ได้ถามโจทก์และนายมรกตผู้เช่าว่าประสงค์จะซื้อที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เช่าหรือไม่ โจทก์และนายมรกตปฏิเสธว่าไม่รับซื้กรณีจึงต้องด้วยข้อยกเว้นตามที่ระบุไว้ในหนังสือสัญญาเช่าเอกสารหมาย จ.29 ว่า “เว้นแต่ผู้เช่าจะไม่รับซื้อ” จำเลยที่ 1ผู้ให้เช่าจึงสิ้นความผูกพันที่จะขายที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่ให้เช่าแก่โจทก์ผู้เช่าตามคำเสนอ ฯลฯ
พิพากษายืน.