คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3639/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยกับพวกปล้นทรัพย์ผู้เสียหายแล้วพาผู้เสียหายขึ้นรถไปหลังจากนั้นประมาณ 10-25 นาที จำเลยกับพวกจอดรถและทำร้ายผู้เสียหายกับเอาทรัพย์ในตัวผู้เสียหายไปอีก ถือว่าการทำร้ายอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์เพราะจำเลยกับพวกกำลังพารถยนต์และทรัพย์อื่นที่ปล้นได้ไป และเมื่อทำร้ายแล้วก็ยังเอาทรัพย์จากผู้เสียหายเพิ่มเติมอีก การทำร้ายจึงเป็นความผิดกรรมเดียวกับการปล้นทรัพย์
โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและอาวุธอื่น ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงด้วย จึงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ แม้คู่ความไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยทั้งสองกับพวกมีอาวุธปืน มีดและท่อนเหล็กเป็นอาวุธร่วมกันปล้นรถยนต์และทรัพย์อื่นของผู้เสียหาย และร่วมกันใช้มีดฟันและใช้เหล็กตีทำร้ายผู้เสียหายโดยเจตนาฆ่า เพื่อเอาไว้ซึ่งผลประโยชน์อันเกิดแต่การที่จำเลยกับพวกได้ปล้นทรัพย์ เพื่อหลีกเลี่ยงให้พ้นอาญาและเพื่อปกปิดความ ผิดแต่ผู้เสียหายไม่ถึงแก่ความตาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐, ๓๔๐ ตรี, ๒๘๘, ๒๘๙, ๘๐, ๘๓, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒, ๑๔, ๑๕ และให้จำเลยคืนทรัพย์หรือใช้ราคาแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดฐานปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๔๐ วรรคสี่, ๘๓, และฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐, ๘๓ จำเลยที่ ๑ อายุ ๑๘ ปี จำเลยที่ ๒ อายุ ๑๗ ปี ลดมาตราส่วนโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๕, ๗๖ แล้วฐานปล้นทรัพย์ จำคุกคนละ ๘ ปี ฐานพยายามฆ่าผู้อื่นจำคุกคนละ ๒๕ ปี รวมจำคุกคนละ ๓๓ ปี จำเลยทั้งสองเข้ามอบตัวต่อเจ้าพนักงานและคำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยทั้งสองเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุกคนละ ๒๒ ปี ให้จำเลยทั้งสองคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ของกลางที่ยังไม่ได้คืนแก่ผู้เสียหาย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้เป็นยกฟ้องเฉพาะความผิดฐานพยายามฆ่าผู้อื่นตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๙, ๘๐, ๘๓ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า หลังจากปล้นทรัพย์จำเลยกับพวกพาผู้เสียหายขึ้นรถยนต์ที่ปล้นได้ไปประมาณ ๑๐-๒๕ นาที ก็จอดจำเลยกับพวกใช้มีดฟันผู้เสียหายจนสลบโดยมีเจตนาแต่เพียงทำร้าย แล้วถอดรองเท้าผู้เสียหายไปเพื่อถ่วงเวลาให้ติดตามพวกจำเลยลำบาก และวินิจฉัยว่าการทำร้ายผู้เสียหายอยู่ในช่วงแห่งการปล้นทรัพย์เพราะเกิดการทำร้ายขณะจำเลยกับพวกพาเอารถยนต์และทรัพย์อื่นที่ปล้นได้ไป เมื่อทำร้ายแล้วก็ยังเอาทรัพย์จากผู้เสียหายทั้งสองเพิ่มอีก การทำร้ายดังกล่าวจึงไม่เป็นความผิดต่างหากไปจากการปล้นทรัพย์ แต่ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ในข้อหาปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ วรรคสี่ นั้นเป็นการเกินคำขอที่โจทก์กล่าวในฟ้อง ไม่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๑๙๒ เพราะโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนและอาวุธอื่น ไม่ได้บรรยายว่าจำเลยกับพวกใช้ปืนยิงด้วย จึงคงลงโทษจำเลยได้เพียงฐานปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธ แม้คู่ความไม่ได้ฎีกาในปัญหานี้ ศาลฎีกาก็ยกขึ้นวินิจฉัยเองได้เพราะเป็นข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย
พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๐ วรรคสอง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share