คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3628/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยใช้ปืนตีศีรษะผู้เสียหายและช่วย ล. ฉุดผู้เสียหายไปยังป่าริมถนนแล้วจำเลยวิ่งกลับไป โดย ล. คงฉุดผู้เสียหายต่อและนำเข้าไปในป่าแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย ดังนี้จำเลยมิได้มีส่วนร่วมหรือสนับสนุนล. กระทำความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 276 การกระทำของจำเลยคงเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามมาตรา 284 เพียงกรรมเดียวเท่านั้นเมื่อฟ้องโจทก์มิได้บรรยายเกี่ยวกับข้อหาฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารและมิได้ขอให้ลงโทษตามมาตรา 284 จึงเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและมิใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษ ไม่อาจลงโทษจำเลยในข้อหาพาหญิงไปเพื่อการอนาจารได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายโดยมีอาวุธและใช้อาวุธนั้นประทุษร้ายผู้เสียหายเป็นการกระทำความผิดอันมีลักษณะเป็นการโทรมหญิงขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๗๖, ๘๓
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า จำเลยกระทำความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจาร พิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๔ จำคุกจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยฐานเป็นตัวการร่วมกันกระทำชำเราผู้เสียหายในลักษณะเป็นการโทรมหญิง หรือเป็นผู้สนับสนุน
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า นายหล่อและจำเลยได้ร่วมกันฉุดผู้เสียหายจากริมถนนไปถึงป่าริมถนน พอดีมีแสงไฟฉายส่องมาจากบนถนนจำเลยจึงวิ่งกลับไป นายหล่อคงฉุดผู้เสียหายต่อไปและพาเข้าไปในป่าแล้วข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจำเลยไม่ได้ร่วมข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหาย เพียงแต่ใช้ปืนตีศีรษะผู้เสียหายและช่วยนายหล่อฉุดผู้เสียหาย พฤติการณ์ของจำเลยเป็นความผิดฐานพาหญิงไปเพื่ออนาจารโดยใช้กำลังประทุษร้ายตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ เพียงกรรมเดียวเท่านั้น เพราะการที่นายหล่อแต่ผู้เดียวได้ข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖ นั้น เป็นความผิดอีกกรรมหนึ่งต่างหากเป็นคนละกรรมกับความผิดตามมาตรา ๒๘๔ แต่อย่างไรก็ตามโจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยกับพวกที่หลบหนีได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายซึ่งเป็นหญิงและมิใช่ภริยาของจำเลยกับพวก โดยจำเลยกับพวกร่วมกันมีและได้ใช้อาวุธปืนสั้นจี้ขู่เข็ญบังคับผู้เสียหายไม่ให้ขัดขืน และได้ใช้อาวุธปืนนั้นตีประทุษร้ายผู้เสียหาย และได้ร่วมกันใช้กำลังปลุกปล้ำและผลักผู้เสียหายให้ล้มลงกับพื้นดินกับจับมือและแขนผู้เสียหายไว้ ทำให้ผู้เสียหายอยู่ในภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้ แล้วจำเลยกับพวกได้ร่วมกันข่มขืนกระทำชำเราผู้เสียหายจนสำเร็จความใคร่ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๗๖, ๘๓ ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องโจทก์มิได้บรรยายเกี่ยวกับข้อหาฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๒๘๔ และมิได้ขอให้ลงโทษตามบทกฎหมายดังกล่าวด้วยทั้งความผิดฐานพาหญิงไปเพื่อการอนาจารก็มิได้เป็นส่วนหนึ่งของความผิดฐานข่มขืนกระทำชำเรา เป็นคนละกรรมกัน กรณีเป็นเรื่องที่โจทก์มิได้กล่าวในฟ้องและไม่ใช่เรื่องที่โจทก์ประสงค์ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา ๑๙๒๐ วรรคแรก และวรรคสี่ จึงไม่อาจลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๒๘๔ ได้
พิพากษากลับให้ยกฟ้องโจทก์

Share