คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2488-2492/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ฟ้องแย้งว่าจำเลยจ่ายเงินสงเคราะห์ประเภท 2 ให้แก่โจทก์แล้วโดยตามข้อบังคับของจำเลยให้ถือว่าเป็นการจ่ายค่าชดเชยด้วย ต่อมาจำเลยทราบว่าข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์เป็นโมฆะ โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับเงินกองทุนสงเคราะห์ ขอให้บังคับโจทก์คืนเงินดังกล่าวที่รับไปให้แก่จำเลย ดังนี้ ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าชดเชยตามคำฟ้องเดิม จึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิม
กิจการของการประปานครหลวงเป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงกำไร ไม่ได้รับยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทยที่จะไม่อยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน

ย่อยาว

คดี 5 สำนวนนี้ศาลแรงงานกลางรวมพิจารณาพิพากษา ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยสำนวนที่ 3 ที่ 4 และพิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยพร้อมดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ทุกสำนวน จำเลยทั้งห้าสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “มีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยในสำนวนที่ 3 ที่ 4 ซึ่งสมควรจะวินิจฉัยก่อนว่าฟ้องแย้งของจำเลยสำนวนที่ 3 ที่ 4 เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมหรือไม่ พิเคราะห์แล้วโจทก์สำนวนที่ 3 ที่ 4 ฟ้องขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชย จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ และฟ้องแย้งว่าจำเลยจ่ายเงินกองทุนสงเคราะห์ประเภท 2 ให้แก่โจทก์สำนวนที่ 3 ที่ 4 แล้ว โดยตามข้อบังคับของจำเลยให้ถือว่าเป็นการจ่ายค่าชดเชยด้วย ต่อมาจำเลยทราบว่า ข้อบังคับของจำเลยว่าด้วยกองทุนสงเคราะห์เป็นโมฆะ โจทก์สำนวนที่ 3 ที่ 4 ไม่มีสิทธิได้รับเงินกองทุนสงเคราะห์ จึงขอให้บังคับโจทก์สำนวนที่ 3 ที่ 4 คืนเงินกองทุนสงเคราะห์ที่รับไปให้แก่จำเลย ดังนี้เห็นว่า ฟ้องแย้งของจำเลยเป็นเรื่องเกี่ยวกับค่าชดเชยตามคำฟ้องเดิม จึงเป็นฟ้องแย้งที่เกี่ยวกับคำฟ้องเดิมชอบที่จะรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้พิจารณาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 177 ศาลแรงงานกลางมีคำสั่งไม่รับฟ้องแย้งของจำเลยส่วนที่ 3 ที่ 4 ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย อุทธรณ์ของจำเลยสำนวนที่ 3 ที่ 4 ข้อนี้ฟังขึ้น จึงไม่ต้องวินิจฉัยอุทธรณ์ข้ออื่นในสำนวนทั้งสองนี้อีกต่อไป

จำเลยในสำนวนที่ 11 ที่ 2 ที่ 5 อุทธรณ์ว่า จำเลยเป็นกิจการที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ ไม่อยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ตามข้อ 2 แห่งประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง กำหนดกิจการที่มิให้ใช้บังคับตามประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ลงวันที่ 16 เมษายน 2515 จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์พิเคราะห์แล้ว การประปานครหลวง จำเลยจัดตั้งขึ้นตามพระราชบัญญัติการประปานครหลวง พ.ศ. 2510 มีวัตถุประสงค์ตามมาตรา 6 คือ (1) สำรวจจัดหาแหล่งน้ำดิบและจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบเพื่อใช้ในการประปา (2) ผลิตจัดส่งและจำหน่ายน้ำประปาในเขตท้องที่จังหวัดพระนคร จังหวัดธนบุรี จังหวัดนนทบุรี และจังหวัดสมุทรปราการ (3) ดำเนินธุรกิจอื่นที่เกี่ยวเนื่องกับหรือเป็นประโยชน์แก่การประปา มาตรา 13 ให้การประปานครหลวงมีอำนาจกระทำการภายในขอบเขตแห่งวัตถุประสงค์ และอำนาจนั้นให้รวมถึงการกระทำหลายประการรวมทั้งการสร้าง ซื้อ จัดหา จำหน่าย เช่า ให้เช่า ให้เช่าซื้อ ยืม ให้ยืม และดำเนินการเกี่ยวกับเครื่องใช้ บริการและความสะดวกต่าง ๆ ของการประปานครหลวง กำหนดอัตราค่าขายน้ำ ค่าบริการและความสะดวกต่าง ๆ ของการประปานครหลวง มาตรา 45 รายได้ที่การประปานครหลวงได้รับให้ตกเป็นของการประปานครหลวงสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการดำเนินกิจการค่าภาระต่าง ๆ ที่เหมาะสมเช่นที่กำหนดไว้ในมาตรานี้ และรายได้ในปีหนึ่ง ๆ เมื่อหักค่าใช้จ่ายและค่าภาระดังกล่าวแล้วเหลือเท่าใด ให้นำส่งเป็นรายได้ของรัฐ ดังนี้เห็นได้ว่าลักษณะและวิธีการดำเนินการของการประปานครหลวงจำเลยเป็นการประกอบกิจการการประปาซึ่งมุ่งหมายแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ ดังกิจการของเอกชนนั่นเอง แต่การประกอบกิจการการประปาเป็นกิจการอันเป็นสาธารณูปโภคซึ่งกระทบกระเทือนถึงความปลอดภัยและความผาสุกแห่งสาธารณชน เมื่อพระราชบัญญัติการประปานครหลวง พ.ศ. 2510 ให้จัดตั้งจำเลยขึ้นประกอบกิจการประเภทนี้ จึงได้มีบทบัญญัติคุ้มครองประโยชน์แห่งสาธารณชนไว้ด้วย การที่มาตรา 7 บัญญัติว่าการผลิต จัดส่งและจำหน่ายน้ำประปา และการจัดให้ได้มาซึ่งน้ำดิบโดยการประปานครหลวงเป็นกิจการสาธารณูปโภค และให้อยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายอันว่าด้วยการนั้น มาตรา 42 บัญญัติว่า ในการดำเนินการของการประปานครหลวงให้คำนึงถึงประโยชน์ของรัฐและประชาชน และมาตรา 43(5) บัญญัติให้การกำหนดราคาขายน้ำประปา เป็นเรื่องที่การประปานครหลวงจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีก่อน ล้วนเป็นบทบัญญัติที่กำหนดเงื่อนไขในการประกอบกิจการของจำเลยเพื่อความปลอดภัยและความผาสุกแห่งสาธารณชนทั้งสิ้น ส่วนที่มาตรา 45 วรรคสามบัญญัติว่า ถ้ารายได้ของการประปานครหลวงไม่พอสำหรับค่าใช้จ่ายและค่าภาระตามที่กำหนดไว้ และการประปานครหลวงไม่สามารถหาเงินจากทางอื่น รัฐพึงจ่ายให้แก่การประปานครหลวงเท่าจำนวนที่ขาดนั้น ก็เป็นบทบัญญัติเผื่อไว้หากมีกรณีปีรายใดไม่พอสำหรับรายจ่าย หรือขาดทุนจะให้ดำเนินการต่อไปอย่างไร ไม่ใช่บทบัญญัติแสดงว่า จำเลยมิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรในทางเศรษฐกิจ ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า กิจการของการประปานครหลวง จำเลยเป็นกิจการที่มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไร ไม่ได้รับยกเว้นตามประกาศกระทรวงมหาดไทย ที่จะไม่อยู่ในบังคับของประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงาน” ฯลฯ

“พิพากษายกคำพิพากษาของศาลแรงงานกลางในสำนวนที่ 3 ที่ 4 ให้ศาลแรงงานกลางรับฟ้องแย้งของจำเลยไว้ดำเนินการต่อไป แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี ส่วนสำนวนที่ 1 ที่ 2 ที่ 5 พิพากษายืน”

Share