คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3627/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ในการปล้นทรัพย์จำเลยใช้ปืนยิงแต่ปืนไม่ลั่น ไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงตามมาตรา 340 วรรคสี่ประกอบมาตรา 80 จึงไม่ถูกต้องคงมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย ตามมาตรา 340 วรรคสองประกอบมาตรา 80 เท่านั้น การที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้อง เป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 288, 289, 340, 340 ตรี, 371, 80, 83, 91พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 6) พ.ศ. 2526มาตรา 4 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 11 ลงวันที่ 21 พฤศจิกายน2514 ข้อ 14, 15 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 7,8 ทวิ, 55, 72, 72 ทวิ, 78 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนวัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิงและสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 7) พ.ศ. 2522มาตรา 6, 8 พระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน (ฉบับที่ 8) พ.ศ. 2530มาตรา 3 คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 44 ลงวันที่21 ตุลาคม 2519 ข้อ 3, 6, 7 กฎกระทรวง ฉบับที่ 11 (พ.ศ. 2522)ออกตามความในพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 6, 55 และริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดกระทงแรกฐานมีอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตและกระทงที่สองฐานพาอาวุธปืนติดตัวไปโดยไม่ได้รับอนุญาตตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิดดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 มาตรา 72 วรรคแรกมาตรา 72 ทวิ วรรคสอง กระทงแรกให้จำคุก 1 ปี 6 เดือน กระทงที่สองให้จำคุก 6 เดือน และมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์กับพยายามฆ่าตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่, 340 ตรี ประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 289(6) ประกอบด้วยมาตรา 80 ตามลำดับ ลงโทษฐานพยายามฆ่าซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 และมาตรา 52(1) ให้จำคุกตลอดชีวิตเป็นกระทงที่สาม จำเลยให้การรับสารภาพในชั้นสอบสวนเป็นการลุแก่โทษต่อเจ้าพนักงานอันเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 และมาตรา 53 กระทงแรกให้จำคุก1 ปี กระทงที่สองให้จำคุก 4 เดือน กระทงที่สามให้จำคุก 33 ปี 4เดือน เรียงกระทงลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 คงให้จำคุกจำเลยรวม 34 ปี 8 เดือน ข้อหาอื่นนอกจากนี้ให้ยก ริบอาวุธปืนของกลาง
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยเป็นคนร้ายที่ปล้นทรัพย์ของผู้เสียหายโดยใช้อาวุธปืนยิง และวินิจฉัยว่า เนื่องจากข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ปืนที่จำเลยใช้ยิงไม่ลั่น จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์โดยใช้ปืนยิงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสี่ ด้วยนั้น จึงไม่ถูกต้องคงมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธติดตัวไปด้วย ตามมาตรา340 วรรคสองเท่านั้น และการที่ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยไม่ถูกต้องนั้นเป็นปัญหาเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้คู่ความมิได้ฎีกา ศาลฎีกามีอำนาจหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 195 วรรคสอง ประกอบด้วยมาตรา 225
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดฐานพยายามปล้นทรัพย์กับพยายามฆ่า ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรคสอง, 340 ตรีประกอบด้วยมาตรา 80 และมาตรา 289 (6) ประกอบด้วยมาตรา 80ตามลำดับ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share