แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การยื่นคำร้องขอต่อ ศาลโดย ทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียว เป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตาม ป.วิ.พ. มาตรา 188 ได้นั้น จะต้องเป็นกรณีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินของผู้ร้องที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยปลอดจากภาระจำนองโดยมีการชำระหนี้จำนองแล้ว แต่ผู้รับจำนองถึงแก่กรรมไปก่อนจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองและไม่มีทายาท ซึ่งกรณีนี้ไม่มีกฎหมายใด สนับสนุนให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทได้ หากมีผู้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวประการใด ผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ โดย เป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้นั้นเป็นจำเลยอย่างคดีที่มีข้อพิพาท ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 55.
ย่อยาว
ผู้ร้องยื่นคำร้องขอว่า ผู้ร้องเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 8008 ตำบลท่าชุมพล (คลองควาย) อำเภอโพธารามจังหวัดราชบุรี เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 48 ตารางวา ร่วมกับสิบเอกไพโรจน์ เงอเลอะ และนางลำยอง เงอเลอะ เดิมที่ดินดังกล่าวเป็นของนายแมว ตันแดง บิดานางกรุด ตันแดง นายแมวได้นำที่ดินดังกล่าวไปจำนองเป็นประกันเงินกู้ไว้กับนางเซี๊ยะ แย้มมา เมื่อปี พ.ศ. 2464จำนวนเงิน 200 บาท หลังจากจำนองแล้ว 4-5 ปี นายแมวได้ชำระเงินคืนให้นางเซี๊ยะเพื่อไถ่ถอนจำนอง และนางเซี๊ยะส่งมอบโฉนดที่ดินคืนนายแมว แต่ไม่ได้จดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง จนกระทั่งผู้จำนองและผู้รับจำนองถึงแก่กรรมเมื่อ 60 ปีมาแล้ว ที่ดินดังกล่าวได้ตกเป็นมรดกแก่นางกรุดบุตรนายแมวตามกฎหมาย และนางกรุดได้จดทะเบียนรับมรดกเมื่อปี พ.ศ. 2478 ต่อมาเมื่อเดือนเมษายน 2531นางกรุดได้ขายที่ดินดังกล่าวให้ผู้ร้อง โดยแจ้งว่าที่ดินไม่มีภาระจำนองใด ๆ ต่อมาผู้ร้องได้จดทะเบียนให้สิบเอกไพโรจน์และนางลำยอง เงอเลอะ สามีภริยากันถือกรรมสิทธิ์ร่วมด้วย และต่อมาผู้ร้องกับสิบเอกไพโรจน์และนางลำยองต้องการแบ่งแยกโฉนดที่ดินจึงทราบจากเจ้าพนักงานที่ดินว่าที่ดินรายนี้ยังติดภาระจำนองนางเซี๊ยะอยู่ไม่อาจแบ่งแยกโฉนดที่ดินให้ได้ ผู้ร้องติดตามหานางเซี๊ยะและทายาทเพื่อให้ไปจดทะเบียนไถ่ถอนจำนอง ปรากฏว่านางเซี๊ยะถึงแก่กรรมไปหลายสิบปีแล้วโดยไม่มีทายาทรับมรดกจะมาจดทะเบียนไถ่ถอนจำนองที่ดินได้ และไม่มีทางอื่นใดที่เจ้าพนักงานที่ดินจะดำเนินการจดทะเบียนให้ที่ดินปลอดจากภาระจำนอง จึงขอให้ศาลไต่สวนและมีคำสั่งว่า ที่ดินตามโฉนดเลขที่ 8008 ตำบลท่าชุมพล(คลองควาย) อำเภอโพธาราม จังหวัดราชบุรี ปลอดจากภาระจำนอง
ศาลชั้นต้นพิจารณาคำร้องขอแล้วมีคำสั่งให้ยกคำร้องค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า บุคคลใดจะยื่นคำร้องขอต่อศาลโดยทำเป็นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 188 ได้นั้น จะต้องเป็นกรรีที่มีกฎหมายบัญญัติให้อำนาจไว้ แต่กรณีตามคำร้องขอของผู้ร้องในคดีนั้น ผู้ร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินของผู้ร้องที่ผู้อื่นมีกรรมสิทธิ์รวมอยู่ด้วยปลอดจากภาระจำนอง ซึ่งไม่มีกฎหมายใดสนับสนุนให้ผู้ร้องยื่นคำร้องขอฝ่ายเดียวเป็นคดีไม่มีข้อพิพาทเพื่อให้ศาลมีคำสั่งดังที่ผู้ร้องกระทำในคดีนี้ได้ หากมีผู้โต้แย้งสิทธิหรือหน้าที่ของผู้ร้องเกี่ยวกับที่ดินดังกล่าวประการใดผู้ร้องก็ชอบที่จะเสนอคดีของตนต่อศาลส่วนแพ่งที่มีเขตอำนาจได้ โดยเป็นโจทก์ยื่นฟ้องผู้นั้นเป็นจำเลยอย่างคดีที่มีข้อพิพาท ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 55 ที่ศาลล่างทั้งสองให้ยกคำร้องขอของผู้ร้องเสียนั้นชอบแล้ว ฎีกาของผู้ร้องฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.