คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3622/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยถูกฟ้องข้อหาจัดหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนตามมาตรา 19 แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2511 สองคดี เมื่อระยะเวลาเกิดเหตุในอีกคดีหนึ่งเป็นส่วนหนึ่งของระยะเวลาเกิดเหตุในคดีนี้ ทั้งไม่มีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาเกิดเหตุตามฟ้องทั้งสองคดี แสดงว่าจำเลยมีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน จึงเป็นความผิดกรรมเดียว แม้อีกคดีหนึ่งศาลชั้นต้นจะพิพากษาก่อนคดีนี้ให้ลงโทษจำเลยที่ 1 ก็ตาม เมื่อปรากฏว่าศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเป็นฟ้องซ้อนกับคดีนี้แสียแล้ว การกระทำความผิดในข้อหานี้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง โจทก์ฟ้องคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ ๑ ตุลาคม ๒๕๒๔ ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๒๕ เวลากลางวันและกลางคืนติดต่อกัน จำเลยทั้งสามร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนงานไปทำงานยังต่างประเทศ โดยเรียกและรับเงินค่าบริการจาก นายจรูญกับพวกโดยมิได้รับอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนตามกฎหมาย และตามวันเวลาดังกล่าวข้างต้นจำเลยทั้ง สามได้ร่วมกันหลอกลวงประชาชนทั่วไปด้วยการแสดงข้อความอันเป็นเท็จ ตั้งสำนักงานเพื่อประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่ประชาชนที่ประสงค์จะไปทำงานในประเทศตะวันออกกลาง โดยกำหนด ให้ผู้ที่จะเดินทางไปมาสมัครงานกับจำเลยทั้งสามทั้งนี้ผู้สมัครจะต้องส่งมอบเงินค่าใช้จ่าย เงินค่าจัดหางานและค่าเดินทางให้แก่จำเลยทั้งสามไว้ล่วงหน้า ความจริงจำเลยทั้งสามรู้อยู่แล้วว่าตนเองไม่มีความสามารถและไม่ตั้งใจจะส่งประชาชนไปทำงานในประเทศตะวันออก กลางและโดยการหลอกลวงดังกล่าวทำให้นายจรูญ เดชากับพวกและผู้มีชื่ออื่นอีกเป็นจำนวนมากหลงเชื่อและมอบเงินให้จำเลยทั้งสามรวมเป็นเงิน ๑๑๖,๔๐๐ บาทขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันคืนเงิน ๑๑๖,๔๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย และนับโทษจำเลยทั้งสามต่อจากโจทก์ในคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๒๓๙๘/๒๕๒๖ หมายเลขแดงที่ ๑๕๔๐๓/๒๕๒๖ กับคดีอาญาหมายเลขดำที่ ๓๑๙๕/๒๕๒๖ หมายเลขแดงที่ ๑๕๘๓๔/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นด้วยเพราะเป็นบุคคลคนเดียวกัน
จำเลยที่ ๑ ให้การปฏิเสธแต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อจริง ส่วนจำเลยที่ ๒ และที่ ๓ หลบหนีศาลชั้นต้นสั่งจำหน่ายคดี
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๑, ๓๔๓, ๘๓, ๙๑ พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๑๑ มาตรา ๗, ๒๗ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๓๔๓ จำคุก ๕ ปีลงโทษตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๑๑ มาตรา ๒๗ จำคุก ๑ เดือนรวมเป็นจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๕ ปี ๑ เดือนนับโทษจำเลยที่ ๑ ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๕๔๐๓/๒๕๒๖ และหมายเลขแดงที่ ๑๕๘๓๔/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นกับให้จำเลยที่ ๑ คืนเงิน ๑๑๖,๔๐๐ บาทแก่ผู้เสียหาย
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่าส่วนความผิดฐานจัดหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนนั้นตามความในมาตรา ๑๙ แห่งพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ.๒๕๑๑ ซึ่งใช้บังคับในขณะเกิดเหตุคดีนี้ เป็นที่เห็นได้ว่าเมื่อได้รับอนุญาตให้จัดหางานแล้วก็สามารถดำเนินการในการจัดหางานได้ตามเวลาที่กำหนด มิใช่ว่าเมื่อได้รับอนุญาตแล้วจะจัดหางานได้เพียงครั้งคราวเดียว จากหลักเกณฑ์ของกฎหมายดังกล่าวในปัญหาที่ว่าจะมีการกระทำผิดฐานจัดหางานโดยมิได้รับอนุญาตหลายกรรมต่างกันหรือไม่ จึงต้องพิจารณาว่าการจัดหางานนั้นได้กระทำต่อเนื่องเป็นคราวเดียวกันหรือไม่ มิใช่พิจารณาว่าเป็นการจัดหางานให้แต่ละคนหรือแต่ละช่วงระยะเวลาตามแต่จะกำหนดเป็นสำคัญข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคดีนี้กับคดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๕๔๐๓/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นได้ความว่าจำเลยทั้งสามได้ตั้งสำนักงานในชื่อของจำเลยที่ ๓ ดำเนินการจัดหางานให้แก่ประชาชนทั่วไป เมื่อระยะเวลาเกิดเหตุคดีหมายเลขแดงที่ ๑๕๔๐๓/๒๕๒๖ เป็นเพียงส่วนหนึ่งของระยะเวลาเกิดเหตุคดีนี้ ทั้งไม่ปรากฏว่ามีการหยุดดำเนินกิจการในช่วงระยะเวลาเกิดเหตุตามฟ้องทั้งสองคดีทำให้เห็นได้ว่าจำเลยที่ ๑ กับพวกมีเจตนาที่จะดำเนินการในการจัดหางานคราวเดียวกัน การกระทำความผิดของจำเลยที่ ๑ ทั้งสองคดีในความผิดฐานนี้ จึงเป็นความผิดกรรมเดียวแต่โดยเหตุที่คดีอาญาหมายเลขแดงที่ ๑๕๔๐๓/๒๕๒๖ ของศาลชั้นต้นในความผิดฐานดังกล่าวนั้นได้ปรากฏต่อมาว่าศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเนื่องจากเป็นฟ้องซ้อนกับคดีนี้ ดังนั้นแม้คดีดังกล่าวศาลชั้นต้นจะพิพากษาก่อนคดีนี้ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ก็ตามเมื่อศาลฎีกาได้พิพากษายกฟ้องเสียแล้วการกระทำความผิดในข้อหานี้จึงถือไม่ได้ว่าได้มีคำพิพากษาเสร็จเด็ดขาดในความผิดที่ได้ฟ้อง จึงไม่เป็นฟ้องซ้ำโจทก์จึงมีสิทธิฟ้องจำเลยที่ ๑ กับพวกในความผิดฐานจัดหางานโดยเรียกและรับค่าบริการโดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียนเป็นคดีนี้ได้ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ นั้นชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยที่ ๑ ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.

Share