แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองและการเสพเมทแอมเฟตามีนที่มีไว้ในครอบครองเป็นความผิดคนละกรรมกันเพราะเป็นเจตนาในการกระทำผิดคนละอย่างและแยกการกระทำออกจากกันได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกัน คือ ร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งเมทแอมเฟตามีนจำนวน 18 เม็ด น้ำหนัก 1.08 กรัมโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และร่วมกันเสพเมทแอมเฟตามีนดังกล่าวโดยสูดดม ไอระเหยเข้าสู่ร่างกายโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทพ.ศ. 2518 มาตรา 62, 62 ตรี, 106, 106 ตรีพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท (ฉบับที่ 3)พ.ศ. 2535 มาตรา 3, 11, 15, 16ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 33, 91 ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 62, 62 ตรี, 106, 106 ตรี และฉบับที่ 3 พ.ศ. 2535มาตรา 3, 11, 15, 16 จำคุกคนละ 1 ปี และปรับคนละ20,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงจำคุกคนละ 6 เดือน และปรับคนละ 10,000 บาทโทษจำคุกให้รอไว้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56มีกำหนด 2 ปี และให้คุมประพฤติจำเลยทั้งสองไว้คนละ 1 ปีโดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518มาตรา 62, 62 ตรี, 106, 106 ตรี ความผิดตามมาตรา 62, 106ให้จำคุกคนละ 1 ปี มาตรา 62 ตรี, 106 ตรี ให้จำคุกคนละ 1 ปีรวมจำคุกคนละ 2 ปี ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยคนละ 1 ปีของกลางริบ
จำเลยที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 1ประการแรกมีว่า การกระทำผิดของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบท หรือเป็นความผิดสองกรรมต่างกันเห็นว่า การที่จำเลยมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเป็นความผิดกรรมหนึ่ง และการที่จำเลยที่ 1 เสพเมทแอมเฟตามีนเป็นความผิดอีกกรรมหนึ่ง การกระทำผิดของจำเลยที่ 1แยกการกระทำออกจากกันได้ และมีเจตนาในการกระทำผิดคนละอย่างด้วยทั้งโจทก์ได้บรรยายฟ้องข้อหามีเมทแอมเฟตามีนและฐานเสพไว้คนละข้อกันการกระทำผิดของจำเลยที่ 1 เป็นความผิดคนละกรรมกัน ฎีกาข้อนี้ของจำเลยที่ 1 ฟังไม่ขึ้น ปัญหาตามฎีกาจำเลยที่ 1ประการสุดท้ายคือมีเหตุควรรอการลงโทษจำเลยที่ 1ไว้หรือไม่ เห็นว่า จำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพียง 18 เม็ด และไม่ปรากฏว่าหลังจากเสพแล้วจำเลยที่ 1 ได้ก่อเหตุวุ่นวายขึ้นเพื่อให้จำเลยที่ 1 กลับตนเป็นพลเมืองดี ควรรอการลงโทษให้จำเลยที่ 1 ด้วยฎีกาของจำเลยที่ 1 ฟังขึ้นบางส่วน
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท พ.ศ. 2518 มาตรา 62,62 ตรี, 106, 106 ตรี ลงโทษฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองตามมาตรา 62, 106 จำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท ลงโทษฐานเสพเมทแอมเฟตามีนตามมาตรา 62 ตรี, 106 ตรีจำคุก 1 ปี และปรับ 20,000 บาท รวมจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้2 ปี และปรับ 40,000 บาท ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 ไว้1 ปี ปรับ 20,000 บาท โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 และให้คุมประพฤติจำเลยที่ 1 ไว้ โดยให้ไปรายงานตัวต่อพนักงานคุมประพฤติ 3 เดือนต่อครั้ง นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์