คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3618/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลมีคำพิพากษาตามยอมมีข้อความว่า “จำเลยยอมรับผิดชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดู และค่าศึกษาเล่าเรียนให้แก่บุตรทั้งสองคือ เด็กชาย อ. และเด็กชาย พ. เป็นเงินจำนวนเดือนละ 16,000 บาท โดยจำเลยยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บุตรทั้งสองคนจนกว่าจะเรียนจบชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะ” ดังนี้ เมื่อสัญญาใช้คำว่า “หรือ” จำเลยต้องชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองคนละ8,000 บาท ต่อเดือน จนกว่าบุตรคนใดคนหนึ่งจะจบชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะในกรณีหนึ่งกรณีใดที่มาถึงก่อนแก่โจทก์จึงจะเป็นอันหลุดพ้นจากความรับผิดต่อบุตร โดยให้คิดคำนวณสำหรับบุตรเป็นรายบุคคลไป

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองของโจทก์และจำเลยคือนายอาทิตย์ วัชรสุวรรณเสรี กับนายอิทธิพล วัชรสุวรรณเสรี เป็นเงินเดือนละ 8,000 บาท แก่โจทก์จนกว่าบุตรทั้งสองจะศึกษาสำเร็จชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะให้จำเลยนำเงินที่จะต้องชำระดังกล่าวเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารของนายอิทธิพลและโจทก์ภายในวันที่ 20 ทุกเดือน นับแต่เดือนธันวาคม 2538 หากจำเลยผิดนัดงวดใดงวดหนึ่งให้โจทก์บังคับคดีทั้งหมดได้ทันที และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรทั้งสองแต่เพียงผู้เดียว ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองเป็นเดือนละ 30,000 บาท เนื่องจากบุตรทั้งสองมีการศึกษาสูงขึ้นและโจทก์มีรายได้ไม่พอกับภาวะค่าครองชีพขณะนั้น ศาลชั้นต้นไต่สวนแล้วมีคำสั่งให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองแก่โจทก์เพิ่มเป็นเดือนละ 16,000 บาทนับแต่เดือนมกราคม 2540 เป็นต้นไปจำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 แผนกคดีเยาวชนและครอบครัว (คดีอยู่ในเขตอำนาจพิจารณาพิพากษาในเวลานั้น) พิพากษายืนคดีถึงที่สุดแล้ว หลังจากนั้นจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่า โจทก์นำเจ้าพนักงานบังคับคดีไปยึดทรัพย์ของจำเลย จำเลยเห็นว่า นายอาทิตย์บรรลุนิติภาวะแล้วจำเลยจะขอชำระเฉพาะค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับนายอิทธิพลจนถึงวันที่นายอิทธิพลบรรลุนิติภาวะแต่โจทก์และเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ยินยอมโดยจะคำนวณเงินคิดถึงวันที่บุตรทั้งสองเรียนจบปริญญาตรี โจทก์และจำเลยขอให้ศาลชั้นต้นวินิจฉัยคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองจนกว่าบุตรทั้งสองศึกษาสำเร็จชั้นปริญญาตรีหรือเพียงแค่บุตรทั้งสองบรรลุนิติภาวะ

ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองจนกว่าบุตรทั้งสองจะเรียนจบชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะอย่างใดอย่างหนึ่งที่มาถึงก่อน เฉพาะค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับนายอาทิตย์ วัชรสุวรรณเสรีนั้น จำเลยต้องรับผิดชำระเพียงแค่เท่าที่นายอาทิตย์ บรรลุนิติภาวะเท่านั้นเนื่องจากเวลาที่นายอาทิตย์บรรลุนิติภาวะถึงกำหนดก่อนเวลาที่นายอาทิตย์จะศึกษาสำเร็จชั้นปริญญาตรี

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษากลับ ให้จำเลยรับผิดชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองจนกว่าบุตรทั้งสองจะศึกษาสำเร็จชั้นปริญญาตรี ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ให้เป็นพับ

จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีเยาวชนและครอบครัววินิจฉัยว่าสัญญาประนีประนอมยอมความที่ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาตามยอมในข้อ 1. มีข้อความว่า “จำเลยยอมรับผิดชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนให้แก่บุตรทั้งสอง คือ เด็กชายอาทิตย์วัชรสุวรรณเสรี และเด็กชายอิทธิพล วัชรสุวรรณเสรี เป็นเงินจำนวนเดือนละ 8,000 บาท (ต่อมาได้แก้ไขเป็นเดือนละ 16,000 บาท แล้ว)โดยจำเลยยินยอมจ่ายเงินจำนวนดังกล่าวให้แก่บุตรทั้งสองคนจนกว่าจะเรียนจบชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะ” เห็นได้ว่าสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าวกำหนดให้จำเลยหลุดพ้นจากความรับผิดมีสองกรณี กล่าวคือ กรณีแรกเมื่อบุตรทั้งสองเรียนจบปริญญาตรี กรณีที่สองเมื่อบุตรทั้งสองบรรลุนิติภาวะ โดยใช้คำว่า”หรือ” ซึ่งหมายความถึงกรณีหนึ่งกรณีใดก็ได้ที่มาถึงก่อน อีกทั้งตามสัญญาก็น่าจะแปลว่าจำเลยต้องรับผิดชำระเงินค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนแก่บุตรแต่ละคนแยกจากกันคนละครึ่ง แล้วแต่ว่าบุตรคนใดเรียนจบชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะ จำเลยก็หลุดพ้นความรับผิดต่อบุตรคนนั้นเป็นคน ๆ ไป ที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาให้จำเลยมีความรับผิดไปจนกว่าบุตรทั้งสองจะสำเร็จปริญญาตรีนั้นยังไม่ถูกต้องเห็นสมควรแก้ไขเสียใหม่ให้ถูกต้อง

อนึ่ง ศาลชั้นต้นมิได้มีคำสั่งเรื่องค่าฤชาธรรมเนียมและศาลอุทธรณ์ภาค 1 มิได้มีคำพิพากษาแก้ไข เป็นการไม่ถูกต้องศาลฎีกาเห็นสมควรแก้ไข

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูและค่าศึกษาเล่าเรียนสำหรับบุตรทั้งสองคนละ 8,000 บาท ต่อเดือนจนกว่าบุตรคนใดคนหนึ่งจะจบชั้นปริญญาตรีหรือบรรลุนิติภาวะในกรณีหนึ่งกรณีใดที่มาถึงก่อนแก่โจทก์ โดยให้คิดคำนวณสำหรับบุตรเป็นรายบุคคลไป ค่าฤชาธรรมเนียมในศาลชั้นต้นและชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share