คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 600/2543

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83,341ข้อเท็จจริงในทางพิจารณาได้ความว่า ตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะร่วมกับ ว. หลอกลวง ท. กับโจทก์ร่วม และในวันที่ ท. รับเงินจำนวน 5,000,000 บาท ของโจทก์ร่วมไว้และส่งมอบให้แก่ ว. ในเวลาต่อมานั้น จำเลยทั้งสองเพียงช่วย ว. นับเงินดังกล่าวและกลับออกไปพร้อมกับ ว. โดยไม่ปรากฏพฤติกรรมของจำเลยทั้งสองที่จะคิดเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นแนะนำชักพา ช่วยพูดสนับสนุนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะที่ ท. ส่งมอบเงินของโจทก์ร่วมแก่ ว. จำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

ย่อยาว

คดีสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาและพิพากษารวมกัน โดยเรียกจำเลยในสำนวนแรกเป็นจำเลยที่ 1 และจำเลยในสำนวนหลังเป็นจำเลยที่ 2

โจทก์ฟ้องทั้งสองสำนวนขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 341 ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันคืนหรือใช้เงินจำนวน 5,000,000 บาท แก่ผู้เสียหาย

จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ

ระหว่างพิจารณา นางละมัย ศรีอ่อน ผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ศาลชั้นต้นอนุญาต

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 341 ประกอบด้วยมาตรา 86 จำคุกคนละ 1 ปี ข้อหาและคำขออื่นให้ยก

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง

โจทก์และโจทก์ร่วมฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีนี้โจทก์และโจทก์ร่วมไม่อุทธรณ์ ข้อเท็จจริงจึงรับฟังยุติไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสองตั้งแต่ก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดเหตุไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองกระทำการใด ๆ อันมีลักษณะร่วมกับนายวรพงษ์หลอกลวงนายทนงกับโจทก์ร่วม จำเลยทั้งสองไม่มีความผิดฐานร่วมกับพวกฉ้อโกง คงมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า การกระทำของจำเลยทั้งสองเป็นความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงดังที่ศาลชั้นต้นวินิจฉัยหรือไม่ เห็นว่า ตามทางพิจารณา ปรากฏจากพยานหลักฐานของโจทก์และโจทก์ร่วมว่า ในวันที่นายทนงรับเงินจำนวน 5,000,000 บาท ของโจทก์ร่วมไว้และส่งมอบให้แก่นายวรพงษ์ในเวลาต่อมานั้น จำเลยทั้งสองเพียงช่วยนายวรพงษ์นับเงินดังกล่าวและกลับออกไปพร้อมกับนายวรพงษ์โดยไม่ปรากฏพฤติกรรมของจำเลยทั้งสองที่จะคิดเห็นได้ว่าจำเลยทั้งสองมีส่วนเกี่ยวข้องรู้เห็นแนะนำชักพาช่วยพูดสนับสนุนหรือกระทำด้วยประการใด ๆ อันเป็นการช่วยเหลือ หรือให้ความสะดวกก่อนหรือขณะที่นายทนงส่งมอบเงินของโจทก์ร่วมแก่นายวรพงษ์ จำเลยทั้งสองย่อมไม่มีความผิดฐานเป็นผู้สนับสนุนการกระทำความผิดฐานฉ้อโกงตามความในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 86

พิพากษายืน

Share