คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1173/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง,914และมาตรา 989 วรรคหนึ่ง บุคคลผู้ลงลายมือชื่อในเช็คจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ภาระการพิสูจน์ว่าเช็คพิพาทไม่มีลูกหนี้ต่อโจทก์จึงตกแก่จำเลยผู้สั่งจ่ายแต่ทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏเหตุผลให้รับฟังได้ว่า หากจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อการร่วมลงทุนในบริษัท ย. เหตุใดเมื่อบริษัทเลิกกิจการ จำเลยจึงไม่ทวงเช็คพิพาทคืนจากโจทก์และในทางนำสืบของจำเลยก็ระบุว่านาย ข. กรรมการบริษัทดังกล่าวถูกโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คซึ่งสั่งจ่ายให้ไว้แก่โจทก์เช่นเดียวกับจำเลยในวิสัยเช่นนี้ จำเลยก็ชอบที่จะสืบนาย ข. หรือกรรมการอีก 3 คน เป็น พยานสนับสนุนข้อต่อสู้ฝ่ายตนแต่จำเลยหากระทำไม่ ฉะนั้นพยานหลักฐาน จำเลยจึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยไม่มีมูลหนี้ ตามเช็คพิพาทต่อโจทก์ตามหน้าที่ที่จำเลยมีภาระการพิสูจน์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 300,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงินตามเช็คเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยให้การและแก้ไขคำให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีว่า จำเลยจะต้องรับผิดชำระเงินตามเช็คให้แก่โจทก์หรือไม่ พยานโจทก์มีโจทก์เพียงผู้เดียวเบิกความว่าจำเลยนำเช็คพิพาทมาแลกเงินสดไปจากโจทก์ตั้งแต่ปี 2538 และส่งดอกเบี้ยทุกเดือนเป็นเวลา 7 เดือน ครั้นเดือนมิถุนายน 2539 จำเลยโทรศัพท์แจ้งให้โจทก์นำเช็คเข้าบัญชีเรียกเก็บเงินได้ โจทก์จึงประทับตรายางลงวันที่สั่งจ่ายและนำไปแลกเงินสดจากนางจิรนันท์ ศรีสว่าง นางจิรนันท์นำเช็คพิพาทเข้าบัญชีเรียกเก็บเงิน เมื่อธนาคารตามเช็คปฏิเสธการจ่ายเงิน โจทก์ต้องจ่ายเงินให้แก่นางจิรนันท์และรับเช็คพิพาทกลับคืนมาฟ้องเรียกเงินจากจำเลยเป็นคดีนี้ ส่วนพยานจำเลยมีตัวจำเลยนำสืบว่า จำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทให้แก่โจทก์ตั้งแต่ปี 2535 เป็นการร่วมลงทุนในบริษัทยูนิเวอร์แซลออโต้ จำกัด มีข้อตกลงกันว่าหากจำเป็นต้องใช้เงินก็ให้นำเช็คพิพาทไปแลกเงินสดจากบุคคลภายนอก แต่ต้องบอกให้จำเลยทราบก่อนเพื่อนำเงินเข้าบัญชี ต่อมาบริษัทได้เลิกกิจการอย่างไม่เป็นทางการ แต่โจทก์มิได้คืนเช็คพิพาทให้จำเลย จำเลยได้แจ้งความต่อพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจนครบาลทุ่งมหาเมฆเมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2539 ว่าเช็คพิพาทหายไป เห็นว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 900 วรรคหนึ่ง, 914 และมาตรา 989 วรรคหนึ่ง บุคคลผู้ลงลายมือชื่อในเช็คจะต้องรับผิดตามเนื้อความในเช็ค ดังนี้ ภาระการพิสูจน์ว่าเช็คพิพาทไม่มีมูลหนี้ต่อโจทก์จึงตกแก่จำเลย แต่ทางนำสืบของจำเลยไม่ปรากฏเหตุผลให้รับฟังได้ว่า หากจำเลยสั่งจ่ายเช็คพิพาทเพื่อการร่วมลงทุนในบริษัทยูนิเวอร์แซล ออโต้ จำกัด เหตุใดเมื่อบริษัทเลิกกิจการ จำเลยจึงไม่ทวงเช็คพิพาทคืนจากโจทก์ หรือหากว่าจำเลยไม่กล้าทวงไม่ว่าโดยสาเหตุใดและไปใช้วิธีแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน ทำไมไม่ระบุข้อเท็จจริงให้พนักงานสอบสวนทราบเพื่อบันทึกไว้ในรายงานประจำวันให้ปรากฏโดยจำเลยเบิกความให้เหตุผลง่าย ๆ เพียงว่าเข้าใจว่าเช็คสูญหาย ส่วนข้อนำสืบอีกประการหนึ่งที่ว่าเช็คในหมวดเลขเดียวกันกับเช็คพิพาทซึ่งขึ้นต้นด้วยเลข 05467 จำเลยใช้อยู่ในช่วงปลายปี 2535 ถึงต้นปี 2536 นั้น ก็ปรากฏจากคำเบิกความของจำเลยและนางปองสุข เพ็ชรชูชาติ ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารตามเช็คตอบถามค้านทนายความโจทก์ว่าแม้จำเลยจะได้รับเช็คพิพาทไปจากธนาคารตั้งแต่ปี 2535 แต่จำเลยก็มีสิทธิใช้เช็คปีใดก็ได้ นอกจากนี้จำเลยยังเบิกความตอบถามค้านทนายความโจทก์ว่า กรรมการบริษัทดังกล่าวมีด้วยกัน 6 คน ซึ่งนอกจากโจทก์และจำเลยแล้วยังมีนายขจรฤทธิ์ เถลิงศักดานุวงศ์ น้องชายของโจทก์อีกคนหนึ่งร่วมเป็นกรรมการด้วย และในทางนำสืบของจำเลยก็ระบุว่านายขจรฤทธิ์ถูกโจทก์ฟ้องเรียกเงินตามเช็คซึ่งสั่งจ่ายให้ไว้แก่โจทก์เช่นเดียวกับจำเลย ในวิสัยเช่นนี้จำเลยก็ชอบที่จะสืบนายขจรฤทธิ์หรือกรรมการอีก 3 คน เป็นพยานสนับสนุนข้อต่อสู้ฝ่ายตน แต่จำเลยหากระทำไม่ ฉะนั้น พยานหลักฐานจำเลยจึงยังไม่มีเหตุผลเพียงพอให้มีน้ำหนักรับฟังได้ว่า จำเลยไม่มีมูลหนี้ตามเช็คพิพาทต่อโจทก์ ตามหน้าที่ที่จำเลยมีภาระการพิสูจน์ เมื่อโจทก์จำเลยต่างนำสืบพยานของตนเกือบจะปากยันปากและพยานจำเลยไม่มีเหตุผลให้รับฟังหักล้างความรับผิดตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายดังวินิจฉัยมาแล้วได้ โจทก์เป็นผู้ทรงเช็คพิพาทโดยชอบจำเลยในฐานะผู้สั่งจ่ายจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยยกฟ้องมานั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”

พิพากษากลับ ให้จำเลยชำระเงิน 300,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 17 กรกฎาคม 2539 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

Share