คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3614/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

เมื่อศาลชั้นต้นรับคำร้องขอให้ศาลมีคำสั่งว่าที่ดินตามคำร้องเป็นของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ แล้วตรวจพบว่า ด. ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินผู้หนึ่งถึงแก่ความตาย จึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องแถลงชื่อและที่อยู่ของทายาท ด. ซึ่งผู้ร้องได้แถลงชื่อและที่อยู่ของทายาท ด. คือ ว. บ. และผู้คัดค้าน แต่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องขอให้แก่ ว. กับ อ. ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมเท่านั้น ทำให้ผู้คัดค้านและ บ. ไม่ทราบถึงการร้องขอของผู้ร้องอันทำให้เสียสิทธิในการที่จะคัดค้าน อีกทั้งผู้คัดค้านยังได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่า ในขณะผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องและไต่สวนคำร้องนั้น ว. และผู้คัดค้านมิได้อยู่บ้านแต่ไปรับจ้างทำงานอยู่ต่างจังหวัด หากได้ความดังกล่าวย่อมแสดงว่า การส่งสำเนาคำร้องขอของผู้ร้องให้แก่ทายาทของ ด. กระทำโดยมิชอบทำให้ฝ่ายผู้คัดค้านไม่มีโอกาสที่จะคัดค้านคำร้องขอของผู้ร้องก่อนตาม ป.วิ.พ. มาตรา 21 (2) จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายดังกล่าวในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสีย และให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นส่งคำคู่ความใหม่ให้ครบถ้วนแล้วไต่สวนและมีคำสั่งตามรูปคดีต่อไปตาม ป.วิ.พ. มาตรา 27 วรรคหนึ่ง

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 6839 ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีชื่อนายดาว และนางอิทธิ์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าว เป็นของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ ศาลชั้นต้นรับคำร้องและตรวจพบว่า นายดาวซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินผู้หนึ่งถึงแก่ความตาย จึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องแถลงชื่อและที่อยู่ของทายาทนายดาว ผู้ร้องได้แถลงชื่อทายาทนายดาวคือ นายวิรัตน์ นางสาวบัญญัติ และผู้คัดค้าน ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องให้แก่นายวิรัตน์ และนางอิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วม
ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งว่าให้ผู้ร้องได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินโฉนดเลขที่ 6839 ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ
ผู้คัดค้านยื่นคำร้องว่า ผู้คัดค้านเพิ่งทราบว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ที่ดินโฉนดเลขที่ 6839 ตำบลศรีแก้ว อำเภอศรีรัตนะ จังหวัดศรีสะเกษ ซึ่งมีชื่อนายดาว และนางอิทธิ์ เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินแปลงดังกล่าวเป็นของผู้ร้องโดยการครอบครองปรปักษ์ เมื่อนายดาวถึงแก่ความตาย ที่ดินในส่วนของนายดาวตกทอดแก่ทายาทของนายดาวคือ ผู้คัดค้าน นายวิรัตน์ และนางสาวบัญญัติ ในการนำส่งสำเนาคำร้องนั้น ผู้ร้องนำส่งให้แก่นายวิรัตน์ เพียงคนเดียวมิได้นำส่งให้แก่ทายาทคนอื่น ซึ่งในขณะนำส่งสำเนาคำร้องและไต่สวนคำร้องนั้นนายวิรัตน์และผู้คัดค้านมิได้อยู่บ้านเนื่องจากไปรับจ้างทำงานอยู่ต่างจังหวัด จึงเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ขอให้ศาลชั้นต้นไต่สวนและยกคดีขึ้นพิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าตามคำร้องไม่มีบทบัญญัติของกฎหมายให้สิทธิแก่ผู้คัดค้านยื่นคำร้องขอให้ศาลยกคดีขึ้นไต่สวนและพิจารณาคดีใหม่ จึงไม่รับคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน ค่าธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้คัดค้านฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาที่จะต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่าการที่ศาลชั้นต้นให้ผู้ร้องส่งสำเนาคำร้องให้แก่นายวิรัตน์ ทายาทของนายดาวเพียงคนเดียวเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบหรือไม่ เห็นว่า เมื่อศาลชั้นต้นรับคำร้องแล้วตรวจพบว่านายดาวซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ในที่ดินผู้หนึ่งถึงแก่ความตาย จึงมีคำสั่งให้ผู้ร้องแถลงชื่อและที่อยู่ของทายาทนายดาว ซึ่งผู้ร้องได้แถลงชื่อของทายาทนายดาวคือ นายวิรัตน์ นางสาวบัญญัติ และผู้คัดค้าน และศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ผู้ร้องนำส่งสำเนาคำร้องให้แก่นายวิรัตน์ และนางอิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมเท่านั้น ทำให้ผู้คัดค้านและนางสาวบัญญัติ ซึ่งเป็นทายาทของนายดาวเช่นกันไม่ทราบถึงการร้องขอของผู้ร้องอันทำให้บุคคลดังกล่าวเสียสิทธิในการที่จะคัดค้านคำร้องของผู้ร้อง อีกทั้งผู้คัดค้านยังได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงว่า ในขณะนำส่งสำเนาคำร้องและไต่สวนคำร้องนั้น นายวิรัตน์และผู้คัดค้านมิได้อยู่บ้านแต่ไปรับจ้างทำงานอยู่ต่างจังหวัด หากได้ความดังกล่าวย่อมแสดงว่า การส่งสำเนาคำร้องของผู้ร้องให้แก่ทายาทของนายดาวกระทำโดยมิชอบทำให้ฝ่ายผู้คัดค้านไม่มีโอกาสที่จะคัดค้านของผู้ร้องก่อนตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 21 (2) จึงเป็นกรณีที่มิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายข้างต้นในข้อที่มุ่งหมายจะยังให้เป็นไปด้วยความยุติธรรมในเรื่องการส่งคำคู่ความ เมื่อความปรากฏชัดแจ้งว่า ศาลชั้นต้นกระทำการอันเป็นการดำเนินกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบ ศาลฎีกาย่อมมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ผิดระเบียบนั้นเสีย หรือสั่งแก้ไข หรือมีคำสั่งในเรื่องนั้นอย่างใดอย่างหนึ่งตามที่เห็นสมควรตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 27 วรรคหนึ่ง ที่ศาลล่างทั้งสองยกคำร้องของผู้คัดค้านนั้น ไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกา ฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้นที่ให้ผู้ร้องส่งสำเนาคำร้องขอแก่นายวิรัตน์ ทายาทผู้มีชื่อในโฉนดตามคำแถลงฉบับลงวันที่ 14 มกราคม 2548 และให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาหลังจากนั้นเป็นต้นไป ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาชั้นส่งคำคู่ความใหม่ให้ส่งสำเนาคำร้องแก่ผู้คัดค้าน นายวิรัตน์ นางสาวบัญญัติ และนางอิทธิ์ ซึ่งเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินพิพาท แล้วไต่สวนและมีคำสั่งต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่

Share