คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3612/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

หนังสือบริคณห์สนธิของโจทก์ข้อ 14 ระบุว่า ประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้าง อุปกรณ์และเครื่องมือช่างทุกประเภท เครื่องมือทาสีเครื่องตกแต่งอาคารทุกชนิด วัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการประกอบการค้าเพื่อหารายได้จากวัสดุก่อสร้าง เครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างทั่วไป และการค้าหมายถึงการดำเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆโดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ หาได้จำกัดเฉพาะการซื้อหรือขายเท่านั้นไม่ การที่โจทก์ให้เช่าแผ่นเหล็กกันดินอันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจึงเป็นการหารายได้วิธีหนึ่งซึ่งอยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยได้ โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าค่าเสียหาย และค่าขนย้ายทรัพย์สิน หาใช่ฟ้องเรียกเงินกู้ ดอกเบี้ยตามสัญญายอมเสียให้ในอัตราร้อยละ 18 ต่อปีจึงเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่งซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้เช่าแผ่นเหล็กกันดินรวมจำนวน 90 แผ่นไปจากโจทก์ จำเลยตกลงชำระค่าเช่าให้โจทก์เป็นรายเดือนทุกเดือนจนกว่าจะส่งมอบแผ่นเหล็กคืน ถ้ามีแผ่นเหล็กเสียหายไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมได้ จำเลยยอมใช้ค่าเสียหายให้ การส่งมอบแผ่นเหล็กให้จำเลย ถ้าโจทก์เป็นผู้ส่งจำเลยตกลงชำระค่าส่งให้โจทก์เที่ยวละ 4,000 บาท และค่ารถยกแผ่นเหล็กลงวันละ 2,000 บาทถ้าจำเลยผิดนัดไม่ชำระเงินตามข้อตกลง จำเลยยินยอมเสียดอกเบี้ยให้โจทก์ในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี เมื่อโจทก์ได้รับคืนแผ่นเหล็กจากจำเลย ปรากฏว่ามีแผ่นเหล็กเสียหายไม่สามารถแก้ไขให้กลับคืนสภาพเดิมได้รวม 5 แผ่น รวมค่าเช่า ค่าเสียหาย ค่าขนย้ายที่จำเลยค้างชำระโจทก์อยู่เป็นเงินทั้งสิ้น 663,512 บาท โจทก์ขอคิดดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ตามสัญญา ขอให้จำเลยชำระเงิน815,091.31 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงิน663,512 บาท นับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จให้โจทก์
จำเลยให้การว่า โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการประกอบกิจการค้าประเภทให้เช่าสังหาริมทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจให้เช่าอันเป็นกิจการนอกวัตถุประสงค์ของโจทก์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยชำระเงิน406,432 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ในต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2527 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระให้เสร็จคำฟ้องของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลประเภทบริษัทจำกัด มีวัตถุประสงค์ตามหนังสือบริคณห์สนธิเอกสารหมาย จ.1 จำเลยได้เช่าแผ่นเหล็กกันดินของโจทก์ไปใช้และยังค้างชำระค่าเช่าโจทก์เป็นจำนวนเงินทั้งสิ้น 406,432 บาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันที่5 ธันวาคม 2527 ไปจนกว่าจะชำระให้โจทก์เสร็จ ที่จำเลยฎีกาว่าหนังสือบริคณห์สนธิเอกสารหมาย จ.1 โจทก์ไม่มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าทรัพย์ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าดังกล่าวจากจำเลย และโจทก์คิดดอกเบี้ยเกินกว่ากฎหมายกำหนดในปัญหาที่ว่าโจทก์มีวัตถุประสงค์ในการให้เช่าสังหาริมทรัพย์หรือไม่ตามหนังสือบริคณห์สนธิของโจทก์เอกสารหมาย จ.1 ข้อ 14 ระบุว่าประกอบกิจการค้าวัสดุก่อสร้างอุปกรณ์และเครื่องมือช่างทุกประเภทเครื่องมือทาสี เครื่องตกแต่งอาคารทุกชนิดเห็นว่า วัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าวเป็นการประกอบการค้าเพื่อหารายได้จากวัสดุ ก่อสร้างเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างทั่วไป และการค้าหมายถึงการดำเนินการด้วยวิธีการต่าง ๆ โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อให้ได้มาซึ่งรายได้ หาได้จำกัดเฉพาะการซื้อหรือขายเท่านั้นไม่ การที่โจทก์ให้เช่าแผ่นเหล็กกันดินอันเป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการก่อสร้างจึงเป็นการหารายได้วิธีหนึ่งซึ่งอยู่ในวัตถุประสงค์ของโจทก์ดังกล่าวโจทก์จึงมีอำนาจฟ้องเรียกค่าเช่าที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ยได้ ในปัญหาว่าโจทก์เรียกดอกเบี้ยเกินอัตราหรือไม่เห็นว่า โจทก์ฟ้องเรียกค่าเช่าค่าเสียหายและค่าขนย้ายทรัพย์สินหาใช่ฟ้องเรียกเงินกู้ดอกเบี้ยตามสัญญาจึงเป็นเบี้ยปรับอย่างหนึ่ง ซึ่งโจทก์มีสิทธิฟ้องเรียกได้ ไม่ตกเป็นโมฆะ
พิพากษายืน

Share