คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3608/2524

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องขอให้บริษัทจำเลยจ่ายค่าเบี้ยเลี้ยงที่ค้าง จำเลยให้การขอนำเงินทดรองจ่ายที่โจทก์เบิกไปแล้ว ไม่คืนเงินที่เหลือให้จำเลยมาหักกลบลบหนี้ เป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวขอหักกลบลบหนี้ มิใช่หักหนี้โดยข้อสัญญาหรือว่าได้หักหนี้กันไปแล้ว ในวันนัดพิจารณาโจทก์แถลงว่า ได้จ่ายเงินทดรองไปในกิจการของจำเลยจนหมดสิ้นแล้ว ดังนี้ สิทธิเรียกร้องของจำเลยในเงินทดรองจ่าย โจทก์ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจึงจะนำมาขอหักกลบลบหนี้ไม่ได้

ย่อยาว

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยชำระเงินแก่โจทก์ 15,300 บาท จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ได้ความว่าจำเลยค้างชำระเงินค่าเบี้ยเลี้ยงแก่โจทก์จำนวน 15,000 บาท มีปัญหาว่าจำเลยมีสิทธิหักกลบลบหนี้หรือไม่ พิเคราะห์แล้ว ตามคำให้การจำเลยเป็นการแสดงเจตนาฝ่ายเดียวขอหักกลบลบหนี้มาในคำให้การ โดยขอเอาสิทธิเรียกร้องของจำเลยในเงินทดรองจ่ายซึ่งโจทก์เบิกทดรองไป แต่จ่ายไม่หมดต้องคืนแก่จำเลยมาหักกลบลบหนี้กันกับหนี้ค่าเบี้ยเลี้ยงที่จำเลยต้องชำระแก่โจทก์ มิใช่กรณีจำเลยมีสิทธิหักกลบลบหนี้ตามข้อตกลงในสัญญา หรือเป็นการต่อสู้ว่าหนี้ตามฟ้องได้มีการหักกลบลบหนี้กันไปแล้ว กรณีเช่นนี้สิทธิเรียกร้องของจำเลยที่จะเอามาหักกลบลบหนี้ได้นั้น ต้องอยู่ในบังคับของบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 344 ซึ่งบัญญัติว่า “สิทธิเรียกร้องใดยังมีข้อต่อสู้อยู่ สิทธิเรียกร้องนั้นท่านว่าหาอาจเอามาหักกลบลบหนี้ได้ไม่ ฯลฯ” ปรากฏว่าในวันนัดพิจารณาโจทก์แถลงว่าได้จ่ายเงินทดรองไปในกิจการของบริษัทจำเลยจนหมดสิ้นแล้ว เห็นได้ว่าสิทธิเรียกร้องของจำเลยในเงินทดรองจ่ายโจทก์ยังมีข้อต่อสู้อยู่ จำเลยจึงจะนำมาขอหักกลบลบหนี้ไม่ได้ ไม่จำต้องพิจารณาต่อไปว่า ค่าเบี้ยเลี้ยงเป็นค่าจ้างหรือไม่ และโจทก์มีหนี้ต้องคืนเงินทดรองจ่ายแก่จำเลยหรือไม่เพียงใด”

พิพากษายืน

Share