คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3017/2524

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ซึ่งจำเลยเข้ายึดถือครอบครองหลังจาก ป.ที่ดินใช้บังคับแล้ว โดยจำเลยมิได้มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย การกระทำของจำเลยจึงฝ่าฝืน ป. ที่ดิน ม.9.และเป็นความผิดต่อเนื่องจนถึงปัจจุบัน คดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ
การที่จะลงโทษผู้ฝ่าฝืน ป. ที่ดิน ตาม ม. 108 ทวิจะต้องเป็นการฝ่าฝืนนับตั้งแต่ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 96 ลงวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2515 ใช้บังคับจำเลยฝ่าฝืนมาก่อนแล้ว แม้จะครอบครองตลอดมา ก็เป็นการครอบครองสืบเนื่องมาจากเข้ายึดถือครอบครองครั้งแรกต้องลงโทษตาม ม.108 และตามมาตราดังกล่าวซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 96 ข้อ 11 มิได้ให้อำนาจศาลที่จะสั่งให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้ายึดถือครอบครองที่ดินหนองกก ซึ่งเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินที่ประชาชนใช้ร่วมกัน พนักงานเจ้าหน้าที่แจ้งและมีคำสั่งเป็นหนังสือให้จำเลยออกจากที่ดินและรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างภายในระยะเวลาที่กำหนดแต่จำเลยฝ่าฝืนและเพิกเฉยไม่ปฏิบัติตามคำสั่งขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙, ๑๐๘, ๑๐๘ ทวิ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ กับสั่งให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่ยึดถือครอบครองด้วย
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๙, ๑๐๘ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ข้อ ๑๑ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ให้ลงโทษและให้จำเลยและบริวารออกจากที่ดินที่จำเลยยึดถือครอบครองด้วย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙,๑๐๘ ทวิ วรรคสอง ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑
จำเลยฎีกาโดยมีการรับรอง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า ที่พิพาทเป็นที่สาธารณประโยชน์ ซึ่งจำเลยเข้ายึดถือครอบครองหลังจากประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับแล้ว โดยจำเลยมิได้มีสิทธิครอบครองและมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมายการกระทำของจำเลยจึงฝ่าฝืนประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙
ที่จำเลยฎีกาว่า ฟ้องโจทก์ขาดอายุความนั้นเห็นว่า แม้จำเลยจะเข้ายึดถือครอบครองที่พิพาทมากว่าสิบปี แต่จำเลยก็ได้ครอบครองต่อเนื่องกันตลอดมาจนถึงปัจจุบัน คดีโจทก์จึงไม่ขาดอายุความ
ส่วนฎีกาจำเลยที่ว่า ศาลอุทธรณ์ปรับบทลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๑๐๘ ทวิไม่ชอบนั้น เห็นว่า การที่จะลงโทษผู้ฝ่าฝืนประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๙ ตามมาตรา ๑๐๘ ทวิ จะต้องเป็นการฝ่าฝืนนับตั้งแต่ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ใช้บังคับ จำเลยฝ่าฝืนมาก่อนแล้ว แม้จะครอบครองตลอดมาก็เป็นการครอบครองสืบเนื่องมาจากการเข้ายึดถือครอบครองครั้งแรก กรณีต้องลงโทษตามมาตรา ๑๐๘
ที่จำเลยฎีกาว่า ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยออกจากที่พิพาทไม่ถูกต้องนั้น เห็นว่าตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๑๐๘ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ มิได้ให้อำนาจศาลที่จะสั่งให้จำเลยออกไปจากที่พิพาทได้ เมื่อกรณีของจำเลยต้องด้วยมาตรา ๑๐๘ ดังได้วินิจฉัยแล้ว ศาลจึงไม่มีอำนาจที่จะสั่งให้จำเลยออกไปจากที่พิพาท
พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา ๙,๑๐๘ ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๙๖ ลงวันที่ ๒๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๕ ข้อ ๑๑ ให้ยกคำขอที่ขอให้จำเลยออกจากที่พิพาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share