คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3607/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยมีที่ดินติดต่อกับที่ดินของโจทก์ร่วม และโจทก์จำเลยต่างเช่าที่ดินของโจทก์ร่วมบางส่วน โจทก์และโจทก์ร่วมฟ้องว่า จำเลยสร้างรั้วและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ร่วมซึ่งโจทก์เช่าอยู่ จำเลยให้การเพียงว่าไม่ได้ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยและบางส่วนของที่ดินที่จำเลยเช่าจากโจทก์ร่วม ไม่ได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินที่โจทก์หรือจำเลยเช่าจากโจทก์ร่วม จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง 1 ข้อ 2 (ก)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้เช่าที่ดินจากการรถไฟแห่งประเทศไทยโดยมีข้อตกลงให้ดำเนินการใด ๆ กับผู้บุกรุกที่ดินที่เช่าได้ จำเลยได้สร้างรั้วและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดินที่โจทก์เช่า โจทก์เสียหาย ขอให้จำเลยรื้อถอนรั้วและสิ่งปลูกสร้างกับใช้ค่าเสียหาย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องเพราะไม่ใช่ผู้เสียหาย จำเลยไม่ได้ปลูกสร้างรั้วและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินส่วนที่โจทก์เช่าแต่ปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยและบางส่วนของที่ดินที่จำเลยเช่าจากการรถไฟแห่งประเทศไทย โจทก์ได้ปลูกสร้างตึกแถวมีฐานรากแผ่ขยายเข้ามาในที่ดินของจำเลยทำให้จำเลยเสียหาย ขอให้รื้อถอนตึกแถวที่รุกล้ำกับใช้ค่าเสียกาย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ไม่ได้สร้างฐานรากตึกแถวรุกล้ำที่ดินจำเลย จำเลยไม่เสียหาย ขอให้ยกฟ้องแย้ง
โจทก์ขอให้ศาลชั้นต้นเรียกการรถไฟแห่งประเทศไทยเข้ามาเป็นโจทก์ร่วม
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งของจำเลย
โจทก์ร่วมอุทรธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ร่วมฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยเป็นเจ้าของผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๒๑๗ และ ๑๒๑๘ แขวงพญาไท เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร โดยซื้อมาเมื่อปี ๒๔๘๔ และได้เช่าที่ดินของโจทก์ร่วมที่ติดต่อกับที่ดินของจำเลยนับแต่จำเลยซื้อที่ดินตลอดมาถึงวันฟ้อง ที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า จำเลยได้เช่าที่ดินโจทก์ร่วมเพียง ๕๑.๓๐ ตารางเมตร จำเลยได้ก่อสร้างอาคารอาบอบนวด แองการ่า และทำรั้วด้านหลังอาคารขึ้นใหม่รุกล้ำเข้ามาในที่ดินโจทก์ร่วมและนอกเขตที่เช่า นั้น…….ฯลฯ…….พยานหลักฐานของโจทก์ร่วมฟังไม่ได้ว่า จำเลยได้ก่อสร้างอาคารและรั้วรุกล้ำเข้าไปในที่ดินที่โจทก์เช่าจากโจทก์ร่วม
ส่วนที่โจทก์ร่วมฎีกาว่า คดีนี้เป็นการฟ้องขับไล่เนื่องจากจำเลยรุกล้ำที่ดินของโจทก์ร่วม โจทก์ร่วมไม่ได้ฟ้องเรียกกรรมสิทธิ์ที่ดินคืนจากจำเลย จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ และไม่ต้องเสียค่าขึ้นศาลแบบคดีมีทุนทรัพย์นั้น เห็นว่า โจทก์และโจทก์ร่วมฟ้องว่าจำเลยสร้างรั้วและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำเข้ามาในที่ดินของโจทก์ร่วมซึ่งโจทก์เช่าอยู่ จำเลยให้การเพียงว่าไม่ได้ปลูกสร้างรั้วและสิ่งปลูกสร้างรุกล้ำที่ดินส่วนที่โจทก์เช่าจากโจทก์ร่วม รั้วและสิ่งปลูกสร้างอยู่ในที่ดินของจำเลยและบางส่วนที่โจทก์เช่าจากโจทก์ร่วม ไม่ได้โต้เถียงกรรมสิทธิ์ที่ดินที่โจทก์หรือจำเลยเช่าจากโจทก์ร่วม จึงเป็นคดีไม่มีทุนทรัพย์ ต้องเสียค่าขึ้นศาลตามตาราง ๑ ข้อ ๒ (ก) ที่ศาลอุทธรณ์เห็นว่าเป็นคดีมีทุนทรัพย์ และให้โจทก์ร่วมเสียค่าขึ้นศาลสำหรับฟ้องอุทธรณ์อย่างคดีมีทุนทรัพย์ และในชั้นฎีกาโจทก์ร่วมก็เสียค่าขึ้นศาลอย่างคดีมีทุนทรัพย์ จึงเป็นการไม่ถูกต้อง
พิพากษายืน คืนค่าขึ้นศาลที่โจทก์ร่วมเสียเกินมาในชั้นอุทธรณ์และฎีกาให้แก่โจทก์ร่วม ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ

Share