แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ให้จำเลยยืมที่พิพาทไปจำนองธนาคาร ไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันเป็นการโอนให้กันจริง ๆ จึงใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 118 เดิม (มาตรา 155ที่แก้ไขใหม่) ที่พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่และจำเลยตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องโอนที่พิพาทคืนให้โจทก์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเป็นบุตรของโจทก์ เนื่องจากจำเลยต้องการนำที่ดินไปจำนองเป็นประกันหนี้เงินกู้ที่จำเลยขอกู้จากธนาคารจำเลยให้โจทก์โอนที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)ทะเบียนเลขที่ 914 เล่ม 10 ก. หน้า 14 เลขที่ดิน 7 หมู่ที่ 3ตำบลบ่อสุพรรณ อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ให้จำเลยเมื่อจำเลยชำระหนี้แก่ธนาคารแล้วจำเลยจะไถ่ถอนจำนองและจดทะเบียนโอนคืนให้แก่โจทก์ อันเป็นการแสดงเจตนาลวงด้วยสมรู้กันระหว่างโจทก์จำเลย นิติกรรมการให้ที่ดินจึงตกเป็นโมฆะ ขอให้ศาลพิพากษาเพิกถอนนิติกรรมการจดทะเบียนให้ระหว่างโจทก์กับจำเลยให้จำเลยไปจดทะเบียนโอนที่ดินดังกล่าวคืนให้โจทก์ หากไม่ไปให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย
จำเลยให้การว่า การจดทะเบียนยกให้ที่ดินระหว่างโจทก์จำเลยเป็นนิติกรรมที่ถูกต้องสมบูรณ์ตามกฎหมายมิใช่นิติกรรมอำพรางหรือการแสดงเจตนาลวง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้เพิกถอนการจดทะเบียนให้ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 914 ตำบลบ่อสุพรรณอำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรี ระหว่างโจทก์จำเลยตามสารบัญจดทะเบียนเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2528 และให้ใส่ชื่อโจทก์แทนต่อไป
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า รูปคดีจึงเชื่อได้ว่า การโอนให้ที่พิพาทระหว่างโจทก์กับจำเลยได้กระทำขึ้นโดยเจตนาลวงเพื่อให้จำเลยยืมที่พิพาทไปจำนองธนาคารเท่านั้น ไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันเป็นการโอนให้กันจริง ๆ จึงใช้บังคับระหว่างกันไม่ได้ตามมาตรา 118 เดิม (มาตรา 155 ที่แก้ไขใหม่) แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ที่พิพาทยังเป็นของโจทก์อยู่ และจำเลยตกอยู่ในความผูกพันที่จะต้องโอนที่พิพาทคืนให้โจทก์
พิพากษายืน