คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 5491/2545

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ป. คนขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัย จอดรถบรรทุกบนไหล่ทางตรงที่เกิดเหตุล้ำไหล่ทางขึ้นไปบนถนนถึง 80 เซนติเมตร ทั้งที่ถนนกว้างเพียง 7 เมตร และแบ่งทางเดินรถเป็นสองช่องเดินรถไปกลับ ทางเดินรถแต่ละช่องจึงกว้างเพียง 3.50 เมตร ป. ยังจอดรถล้ำขึ้นไปบนถนนมากขนาดนั้น อีกทั้งเป็นเวลากลางคืนแรม 8 ค่ำ ไม่มีแสงสว่าง ไม่มีไฟฟ้าบนไหล่ทาง ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่ใกล้เคียง ป. ไม่สมควรจะจอดรถนอนบริเวณนั้น ควรจะหาสถานที่ที่เหมาะสมกว่า แต่เมื่อ ป. จอดรถนอนตรงนั้นแทนที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้รถอื่นที่ใช้ถนนมองเห็นรถที่จอดอยู่ เช่น เปิดโคมไฟ จุดตะเกียงหรือแม้แต่ก่อกองไฟด้านท้ายรถเพื่อแสดงสัญญาณให้ผู้อื่นรู้ ป. ก็ไม่ได้กระทำ แต่กลับดับเครื่องยนต์แล้วเข้าไปนอนอยู่ในรถโดยไม่ใยดีเลยว่าจะเกิดความเสียหายเป็นอันตรายต่อใคร การกระทำของ ป. เช่นนี้เป็นความประมาทอย่างร้ายแรงไม่น้อยกว่าคู่กรณีอีกฝ่าย การที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้ค่าเสียหายของแต่ละฝ่ายเป็นพับกันไป จึงชอบแล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้อง ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 189,500 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 ให้การ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 189,500 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 31 สิงหาคม 2538 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับเป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์

โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 เป็นเจ้าของรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 89-1872 กรุงเทพมหานคร และรถพ่วงหมายเลขทะเบียน 89-4463 กรุงเทพมหานคร และเอาประกันภัยไว้กับจำเลยที่ 2 นายพล พิมพ์ปรุลูกจ้างซึ่งกระทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 1 ขับรถบรรทุกและรถพ่วงดังกล่าวโดยประมาทชนรถบรรทุกหมายเลขทะเบียน 80-4041 สุรินทร์ ซึ่งโจทก์รับประกันภัยไว้ได้รับความเสียหาย มีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า นายประเสริฐ ดีล้อม ผู้ขับรถบรรทุกคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้ไม่มีส่วนประมาทด้วยจริงหรือไม่ เห็นว่า นายประเสริฐจอดรถบรรทุกบนไหล่ทางตรงที่เกิดเหตุล้ำไหล่ทางขึ้นไปบนถนนถึง 80 เซนติเมตร ทั้งที่ถนนกว้างเพียง 7 เมตร และแบ่งทางเดินรถเป็นสองช่องทางเดินรถไปกลับ ทางเดินรถแต่ละช่องจึงกว้างเพียง 3.50 เมตร นายประเสริฐยังจอดรถล้ำขึ้นไปบนถนนมากขนาดนั้น อีกทั้งเป็นเวลากลางคืนแรม 8 ค่ำไม่มีแสงสว่าง ไม่มีไฟฟ้าบนไหล่ทาง ไม่มีบ้านเรือนผู้คนอยู่ใกล้เคียง นายประเสริฐไม่สมควรจะจอดรถนอนบริเวณนั้น ควรจะหาสถานที่ที่เหมาะสมกว่า แต่เมื่อนายประเสริฐจอดรถนอนตรงนั้นแทนที่จะกระทำการอย่างใดอย่างหนึ่งเพื่อให้รถอื่นที่ใช้ถนนมองเห็นรถที่จอดอยู่เช่น เปิดโคมไฟ จุดตะเกียงหรือแม้แต่ก่อกองไฟด้านท้ายรถเพื่อแสดงสัญญาณให้ผู้อื่นรู้ นายประเสริฐก็ไม่ได้กระทำ แต่กลับดับเครื่องยนต์แล้วเข้าไปนอนอยู่ในรถโดยไม่ใยดีเลยว่าจะเกิดความเสียหายเป็นอันตรายต่อใคร การกระทำของนายประเสริฐเช่นนี้เป็นความประมาทอย่างร้ายแรงไม่น้อยกว่าคู่กรณีอีกฝ่าย โจทก์ฎีกาอ้างคำเบิกความของร้อยตำรวจเอกธนพงษ์ วะโพธิ์ชัยว่า นายประเสริฐจอดรถโดยเปิดไฟท้ายรถไว้ ร้อยตำรวจเอกธนพงษ์ไม่เห็นเหตุการณ์และยังขัดแย้งกับคำเบิกความของนายประเสริฐว่าจอดรถและดับเครื่องยนต์แล้วเข้าไปนอนในรถ ที่ร้อยตำรวจเอกธนพงษ์เบิกความว่านายพลขับรถหักหลบรถคันอื่นที่แล่นสวนทางมาจึงชนรถที่จอดอยู่นั้น ก็ขัดแย้งกับคำฟ้องของโจทก์ที่ได้แก้ไขคำฟ้องแล้วโดยไม่ปรากฏว่ามีเหตุการณ์เช่นนั้น ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า นายประเสริฐผู้ขับรถคันที่โจทก์รับประกันภัยไว้กระทำโดยประมาทไม่น้อยกว่าอีกฝ่ายและพิพากษาให้ค่าเสียหายของแต่ละฝ่ายเป็นพับกันไปจึงชอบแล้ว ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษายืน

Share