แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
การผลิตและการขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตกับการผลิตและการขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานั้น จำเลยกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันและยาแผนโบราณเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยจึงเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบท ต้องลงโทษฐานผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นบทหนัก คำฟ้องของโจทก์มุ่งประสงค์ให้ลงโทษจำเลยฐานผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง กับฐานผลิตและขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาอีกกระทงหนึ่ง คำฟ้องดังกล่าวมิได้แยกการกระทำเป็นการผลิตกรรมหนึ่งและเป็นการขายอีกกรรมหนึ่งดังที่โจทก์ฎีกา จึงเป็นฎีกาที่ขอให้ลงโทษจำเลยนอกเหนือไปจากคำฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้กระทำความผิดหลายกรรมต่างกันคือ ก. ได้ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขาย เพื่อประโยชน์ในทางการค้าซึ่งยาแผนโบราณคือ เซฟลี่สมุนไพร ซึ่งมีส่วนผสมของใบและฝักมะขามแขกอยู่ด้วย โดยจำเลยไม่ได้รับใบอนุญาตจากผู้อนุญาต ข. ได้ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขาย เพื่อประโยชน์ในการค้าซึ่งยาแผนโบราณในข้อ ก. อันเป็นยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510มาตรา 46, 72(4), 111, 122 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 จำเลยให้การรับสารภาพ ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติ ยา พ.ศ. 2510 มาตรา 46, 72(4), 111, 122ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดกฎหมายหลายบทให้ลงโทษฐานผลิตยาโดยไม่ได้รับใบอนุญาตซึ่งเป็นบทหนัก จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 คงลงโทษจำเลยที่ 1 ปรับ 2,000 บาท จำเลยที่ 2 จำคุก1 เดือน และปรับ 2,000 บาท โทษจำคุกจำเลยที่ 2 ให้รอไว้มีกำหนด2 ปี โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องข้อหาฐานขายและข้อหาฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาตามฎีกาของโจทก์ข้อแรกว่าที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ข้อหาฐานขายและข้อหาฐานมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณเป็นการชอบหรือไม่นั้น เห็นว่า คำว่า “ขาย”ตามมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติยา พ.ศ. 2510 หมายความรวมถึงจำหน่าย จ่าย แจกหรือแลกเปลี่ยนเพื่อประโยชน์ในการค้าและมีไว้เพื่อขาย การที่โจทก์บรรยายฟ้องว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต กับร่วมกันขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาย่อมเห็นได้ชัดเจนว่าเป็นการฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตกับร่วมกันขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานั่นเอง เมื่อจำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพตามฟ้อง ข้อเท็จจริงจึงฟังได้ว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตกับร่วมกันขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาด้วย ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษามานั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาโจทก์ข้อนี้ฟังขึ้น แต่ศาลฎีกาเห็นว่า การผลิตและการขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต กับการผลิตและการขายยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยานั้น จำเลยทั้งสองกระทำโดยมีเจตนาเดียวกันและยาแผนโบราณเป็นจำนวนเดียวกัน การกระทำของจำเลยทั้งสองจึงเป็นกรรมเดียวกัน แต่เป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบทต้องลงโทษฐานผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตซึ่งเป็นบทหนักตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ส่วนที่โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองโดยแยกการกระทำเป็นการผลิตกรรมหนึ่งและเป็นการขายอีกกรรมหนึ่งนั้น เห็นว่า ตามคำบรรยายฟ้องข้อ ก. ระบุว่าจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาต และฟ้องข้อ ข. ระบุว่า จำเลยทั้งสองได้ร่วมกันผลิตและขายหรือมีไว้เพื่อขายซึ่งยาแผนโบราณในฟ้องข้อ ก.อันเป็นยาแผนโบราณที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยา เห็นได้ชัดเจนว่าคำฟ้องของโจทก์มุ่งประสงค์ให้ศาลลงโทษจำเลยทั้งสองฐานร่วมกันผลิตและขายยาแผนโบราณโดยไม่ได้รับอนุญาตกระทงหนึ่ง กับฐานร่วมกันผลิตและขายยาแผนโบราณดังกล่าวที่ไม่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาอีกกระทงหนึ่ง โดยคำฟ้องดังกล่าวมิได้แยกการกระทำเป็นการผลิตกรรมหนึ่งและเป็นการขายอีกกรรมหนึ่งดังที่โจทก์ฎีกา ฎีกาโจทก์ข้อนี้จึงเป็นฎีกาที่ขอให้ศาลลงโทษจำเลยนอกเหนือไปจากคำฟ้องของโจทก์ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัยให้”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้บังคับคดีไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น