แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา โจทก์ไม่ได้รับความเสียหายแต่อย่างใด โปรดมีคำสั่งให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ได้รับสำเนาคำร้องแล้ว (สำนวนตอน 2 อันดับ 74แผ่นที่ 2)
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 จดทะเบียนหย่ากับโจทก์หากไม่จัดการให้ถือเอาตามคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1 และให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท กับให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 93,000 บาท และนับถัดจากวันฟ้อง(1 กุมภาพันธ์ 2526) ตลอดไปทุกเดือนจนกว่าจะจดทะเบียนหย่ากับให้จำเลยที่ 1 จ่ายค่าเลี้ยงชีพแก่โจทก์ในอัตราเดือนละ 3,000บาท นับถัดจากวันฟ้อง (วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2526) เป็นต้นไปจนกว่าโจทก์จะทำการสมรสใหม่แต่ไม่เกิน 10 ปี ให้ใส่ชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ร่วมในที่ดินโฉนดที่ 9143 ซอยวัดไผ่เงินแขวงบางโคล่เขตยานนาวา กรุงเทพมหานคร และบ้านเลขที่ 548/83 ซึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าวครึ่งหนึ่ง หากจำเลยที่ 1 ไม่จัดการดังกล่าวให้ถือเอาตามคำพิพากษาของศาลแทนการแสดงเจตนาของจำเลยที่ 1หรือให้จำเลยที่ 1 ชำระเป็นเงินจำนวน 1,000,000 บาท แทนแก่โจทก์ให้จำเลยที่ 1 ชำระราคาสินสมรสที่เป็นสังหาริมทรัพย์แก่โจทก์เป็นเงิน 50,000 บาท กับให้โจทก์แบ่งสิทธิในที่ดินโฉนดที่ 17533ตำบลบางโคล่ (บ้านหวาย) อำเภอยานนาวา (บางรัก) จังหวัดพระนครพร้อมบ้านเลขที่ 544/89 บนที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่ 1 ครึ่งหนึ่งโดยชำระเป็นเงิน 100,000 บาท
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้โจทก์แบ่งเงินค่าทองและเข็มขัดนากครึ่งหนึ่งเป็นเงิน 42,500 บาท ให้แก่จำเลยที่ 1 ด้วยนอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องนี้ (สำนวนตอน 2อันดับ 35,34)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว การหย่าโดยคำพิพากษามีผลแต่เวลาที่คำพิพากษาถึงที่สุด และเมื่อหย่ากันแล้วให้จัดการแบ่งทรัพย์สินระหว่างสามีภริยาคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ยังไม่ถึงที่สุด จึงไม่มีเหตุผลที่จะขอทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกา ให้ยกคำร้อง ค่าคำร้องให้เป็นพับ