แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
สัญญามีข้อความว่า ผู้ขาย (จำเลย) สัญญาว่าจะส่งมอบทรัพย์ที่ขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อ(โจทก์)ซึ่งผู้ขายได้รับราคาทรัพย์ที่ขายไปครบถ้วนแล้วซึ่งหมายความว่า ขณะทำสัญญายังหาได้มอบทรัพย์ที่ขายกันไม่เพราะต้องทำการโอนให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วยและตามฟ้องของโจทก์ก็ว่าการซื้อขายนี้ได้ทำสัญญากันว่าเมื่อโจทก์(ผู้ซื้อ)ประสงค์จะให้จำเลย(ผู้ขาย)โอนกรรมสิทธิ์เมื่อใด จำเลย(ผู้ขาย)จะทำการโอนทันทีจำเลยไม่ได้ปฏิเสธหรือกล่าวแก้อย่างใดถือว่าจำเลยรับตามฟ้องดังนี้ สัญญาดังกล่าวจึงถือว่าเป็นสัญญาจะซื้อขาย
ฟ้องกล่าวว่า โจทก์ได้เข้าครอบครองที่ดินที่จำเลยขายให้เป็นส่วนสัดแล้ว ศาลย่อมพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนของจำเลยให้โจทก์ได้เพราะผู้ที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยไม่ได้เข้ามาโต้แย้งอย่างใด
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยได้ทำสัญญาขายที่ดินอันเป็นเฉพาะส่วนของจำเลย ซึ่งจำเลยปกครองเป็นส่วนสัดให้แก่โจทก์เนื้อที่ประมาณ 1 ไร่ จำเลยรับเงินไปครบถ้วนในวันทำสัญญาแล้วจำเลยไม่จัดการโอนให้โจทก์ จึงขอให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ให้โจทก์
จำเลยต่อสู้ว่า การซื้อขายสมบูรณ์แล้ว แต่ไม่ได้จดทะเบียนต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ ตกเป็นโมฆะ
ศาลชั้นต้นสั่งงดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามฟ้องให้โจทก์
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ตามสัญญาข้อ 2 กล่าวว่า ผู้ขายให้สัญญาว่าจะส่งมอบทรัพย์สินที่ขายนี้ให้แก่ผู้ซื้อซึ่งหมายความว่าขณะทำสัญญายังหาได้มอบทรัพย์ที่ขายให้แก่กันไม่ ผู้ขายคือจำเลยมีหน้าที่จะต้องส่งมอบทรัพย์ที่ขายให้แก่ผู้ซื้อคือโจทก์ รวมทั้งการโอนให้ถูกต้องตามกฎหมายด้วย นอกจากนั้นตามคำฟ้องกล่าวว่าในการซื้อขายรายนี้ ได้สัญญากันว่า เมื่อโจทก์ประสงค์จะให้จำเลยไปโอนกรรมสิทธิ์เมื่อใดจำเลยยินดีจะไปทำการโอนทันที จำเลยไม่ได้ให้การปฏิเสธหรือกล่าวแก้อย่างใด ควรถือว่าจำเลยยอมรับตามฟ้อง คดีฟังได้ว่าเป็นสัญญาจะซื้อขายอนึ่ง ตามฟ้องโจทก์ว่าโจทก์เข้าครอบครองที่ดินเป็นส่วนสัดศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยจัดการโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนของจำเลยให้แก่โจทก์นั้นบุคคลอื่นที่มีกรรมสิทธิ์ร่วมก็ไม่ได้โต้แย้ง ศาลย่อมมีอำนาจพิพากษาให้จำเลยโอนกรรมสิทธิ์เฉพาะส่วนให้แก่โจทก์
พิพากษายืน