คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 810/2522

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 มีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อขาย จำหน่ายจ่ายแจก และถูกเจ้าพนักงานจับได้ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพพร้อมเฮโรอีนของกลาง ขณะที่กำลังจะเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นโดยเครื่องบิน โดยกำลังติดต่อตรวจสอบตั๋วเครื่องบินกับเจ้าหน้าที่สายการบินอยู่ ถือได้วาจำเลยที่ 1 พยายามนำเฮโรอีนของกลางดังกล่าวออกนอกราชอาณาจักร เพื่อขายจำหน่ายหรือจ่ายแจก และการกระทำของจำเลยที่ 1 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทเพราะเป็นเฮโรอีนจำนวนเดียวกัน
ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องใจความว่า เมื่อวันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๑๙ เวลากลางวัน จำเลยทั้งสองกับพวกอีกหลายคนซึ่งยังไม่ได้ตัวมาฟ้อง บังอาจร่วมกันกระทำผิดต่อกฎหมายหลายบทหลายกระทงต่างกรรมต่างวาระกัน กล่าวคือ จำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวบังอาจร่วมกันมีเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์ ซึ่งเป็นเกลือของเฮโรอีน อันเป็นยาเสพติดให้โทษ จำนวน ๓๔๐.๕๐ กรัม ราคา ๑๐,๒๑๕ บาท ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายขายโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยทั้งสองกับพวกดังกล่าวบังอาจร่วมกันส่งออกนอกราชอาณาจักรไทย ซึ่งเฮโรอีนไฮโดรคลอไรด์จำนวนดังกล่าวไปเพื่อขาย จำหน่าย จ่ายแจกในประเทศญี่ปุ่นโดยฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ทั้งนี้โดยจำเลยกับพวกร่วมกันนำเอาเฮโรอีนดังกล่าวไปขึ้นเครื่องบินที่ท่าอากาศยานกรุงเทพ เพื่อเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นแล้ว แต่เจ้าพนักงานที่ท่าอากาศยานกรุงเทพตรวจพบเสียก่อน และยึดไว้เป็นของกลาง จำเลยกบพวกจึงไม่สามารถนำเอาเฮโรอีนดังกล่าวนอกราชอาณาจักรไทยไปได้สำเร็จสมดังเจตนาของจำเลย ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ, ๑๔, ๒๐, ๒๐ ทวิ, ๒๐ ตรี, ๒๘, ๑๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๒) พ.ศ. ๒๔๗๙ มาตรา ๑๑ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔, ๕, ๖, ๗, ๑๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓ ริบของกลาง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่หลังจากสืบพยานสำเร็จแล้ว จำเลยที่ ๒ ขอให้การรับสารภาพตามฟ้องโจทก์
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาว่าจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๔ ทวิ, ๒๐, ๒๙ พระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๔, ๕, ๑๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐, ๘๓ ให้จำคุกคนละ ๑๖ ปี คำให้การจำเลยที่ ๑ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่ คงจำคุก ๑๒ ปี คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๒ และคำร้องขอให้การรับสารภาพหลังสืบพยานเสร็จแล้วเป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุก ๑๐ ปี ๘ เดือน ข้อหาอื่นให้ยก ของกลางริบ
โจทก์อุทธรณ์ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามฟ้องและเรียงกระทงลงโทษด้วย
จำเลยทั้งสองอุทธรณ์ขอให้ยกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้ว พิพากษาแก้เป็นวาจำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐๘ วรรคท้าย ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓ จำคุกคนละ ๑๒ ปี เฉพาะจำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๕ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ อีกกระทงหนึ่งด้วย ลงโทษจำคุกตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนของจำเลยที่ ๑ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๓ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑ รวมจำคุกจำเลยที่ ๑ มีกำหนด ๔๖ ปี ๖ เดือน จำเลยที่ ๒ ให้การรับสารภาพชั้นสอบสวนและหลังสืบพยานเสร็จแล้ว ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสาม คงจำคุกจำเลยที่ ๒ มีกำหนด ๘ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษจำเลยที่ ๒ ในข้อหาร่วมพยายามนำเฮโรอีนออกไปนอกราชอาณาจักรตามฟ้องด้วย
จำเลยที่ ๑ ฎีกาขอให้ยกฟ้อง
ศาลฎีกาเชื่อว่า จำเลยทั้งสองร่วมกันมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อขาย จำหน่าย จ่ายแจก
วินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายว่า ในการที่เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๑ ได้ที่ท่าอากาศยานกรุงเทพพร้อมเฮโรอีนของกลาง ก็ปรากฏว่าเป็นวันเวลาที่จำเลยที่ ๑ กำลังจะเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นโดยเครื่องบินในขณะที่จำเลยที่ ๑ กำลังติดต่อตรวจสอบตั๋วเครื่องบินกับเจ้าหน้าที่สายการบินอยู่ จึงถือได้ว่าจำเลยที่ ๑ พยายามนำเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรเพื่อขายจำหน่าย หรือจ่ายแจก จำเลยที่ ๑ จึงมีความผิดตามโจทก์ฟ้อง ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ตามที่ศาลอุทธรณ์พิพากษา
การที่จำเลยที่ ๑ บังอาจมีเฮโรอีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและเฮโรอีนที่จำเลยที่ ๑ พยายามส่งออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายนั้น เป็นเฮโรอีนของกลางจำนวนเดียวกัน การกระจำของจำเลยที่ ๑ เป็นกรรมเดียวซึ่งเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๑๗๐/๒๕๒๑ ระหว่างพนักงานอัยการ กรมอัยการ โจทก์ นางวิลเลี่ยม แมคคอย วอร์ด หรือ แมคซิโอวอร์ด กับพวก จำเลย ปัญหานี้เป็นปัญหาข้อกฎหมายเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดฎีกาขึ้นมา ศาลฎีกาหยิบยกขึ้นวินิจฉัยได้
ส่วนฎีกาของโจทก์ปัญหามีว่าจำเลยที่ ๒ ร่วมกระทำการในการนำเฮโรอีนของกลางออกนอกราชอาณาจักรกับจำเลยที่ ๑ ด้วยหรือไม่ ตามคำเบิกความของพยานโจทก์คงจับจำเลยที่ ๑ ได้พร้อมเฮโรอีนของกลางที่ท่าอากศยานกรุงเทพในขณะที่กำลังจะนำไปประเทศญี่ปุ่นด้วยเครื่องบินเที่ยวเช้าในวันเกิดเหตุ ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่ได้ร่วมไปกับจำเลยที่ ๑ ด้วย คงพักอยู่ที่โรงแรมอมรินทร์ ถึงแม้จะได้ความว่าจำเลยที่ ๒ จะเดินทางกลับประเทศญี่ปุ่นในวันเดียวกับจำเลยที่ ๑ เดินทางก็ตาม แต่เป็นคนละเที่ยวบินกันและแม้จำเลยที่ ๒ จะให้การรับสารภาพตามฟ้องด้วยก็ตาม ก็ยังถือไม่ได้ว่าจำเลยที่ ๒ ร่วมพยายามนำเฮโรอีนของกลางออกไปนอกราชอาณาจักรตามฟ้อง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดฐานมีเฮโรอีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ ทวิ ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๖ และความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่ายตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๔๖๕ มาตรา ๒๐ วรรคสี่ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ (ฉบับที่ ๔) พ.ศ. ๒๕๐๔ มาตรา ๕ ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๐ ให้ลงโทษจำเลยที่ ๑ ในความผิดฐานพยายามส่งเฮโรอีนออกนอกราชอาณาจักรเพื่อจำหน่าย อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๙๐ ให้จำคุกจำเลยที่ ๑ ตลอดชีวิต คำให้การชั้นสอบสวนจำเลยที่ ๑ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๗๘ หนึ่งในสี่ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๕๓ ที่แก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๑ คงจำคุกจำเลยที่ ๑ ไว้ ๓๗ ปี ๖ เดือน นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share