แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า เช็คพิพาทเป็นของโจทก์ มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและตราประทับตรงกับตัวอย่างลายมือชื่อที่โจทก์ได้ให้ไว้แก่จำเลย จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ปล่อยปละละเลยจนเป็นเหตุให้ ว. ปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดี ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225
โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แม้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท คดีก็ไม่ต้องห้ามฎีกาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยใช้เงินจำนวน 209,979 บาท พร้อมด้วยค่าเสียหายเท่ากับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 189,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การ ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 108,000 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 28 มกราคม 2541 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ กับให้ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์โดยกำหนดค่าทนายความ 5,400 บาท
โจทก์และจำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ยกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสองศาลให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นบริษัทจำกัดเปิดบัญชีเงินฝากกระแสรายวันไว้กับธนาคารจำเลยเพื่อใช้เช็คเบิกถอนเงินจากบัญชีดังกล่าวโดยมีเงื่อนไขในการสั่งจ่ายเช็คเพื่อเบิกถอนเงินคือให้นายเชาวน์ กรรมการผู้มีอำนาจของโจทก์ลงลายมือชื่อประทับตราสำคัญของโจทก์เป็นผู้สั่งจ่าย เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2541 มีผู้นำเช็คพิพาทจำนวนเงิน 189,000 บาท ซึ่งมีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายปลอมไปเรียกเก็บเงินจากจำเลย จำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คไปและหักเงินจากบัญชีเงินฝากกระแสรายวันของโจทก์ ปัญหาว่าจำเลยจะต้องรับผิดต่อโจทก์หรือไม่นั้น จำเลยให้การต่อสู้เพียงว่า เช็คพิพาทเป็นของโจทก์ มีลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายและตราประทับตรงกับตัวอย่างลายมือชื่อที่โจทก์ได้ให้ไว้แก่จำเลย แต่จำเลยไม่ได้ให้การต่อสู้ว่า โจทก์เป็นฝ่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงที่ปล่อยปละละเลยจนเป็นเหตุให้นางวนิดาซึ่งเป็นผู้เก็บรักษาเช็คและตราประทับ ปลอมลายมือชื่อผู้สั่งจ่ายเช็คพิพาท จำเลยจึงไม่มีสิทธิอุทธรณ์คัดค้านคำพิพากษาศาลชั้นต้นในประเด็นว่าโจทก์ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงหรือไม่ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยในประเด็นดังกล่าวจึงเป็นการวินิจฉัยนอกประเด็นแห่งคดี ถือว่าเป็นข้อที่มิได้ยกขึ้นว่ากล่าวมาแล้วโดยชอบในศาลอุทธรณ์ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 225 เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า เช็คพิพาทเป็นเช็คปลอมลายมือชื่อโจทก์เป็นผู้สั่งจ่ายและจำเลยได้จ่ายเงินตามเช็คพิพาทไปโดยหักจากบัญชีเงินฝากของโจทก์ จึงเป็นการละเมิดต่อโจทก์ จำเลยต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คพิพาทแก่โจทก์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 1008 วรรคหนึ่ง พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่จำเลยจ่ายเงินตามเช็คพิพาท แต่โจทก์มีคำขอท้ายฎีกา ขอให้จำเลยใช้เงิน 189,000 บาท โดยไม่ขอดอกเบี้ย จึงให้ตามคำขอท้ายฎีกาของโจทก์
อนึ่ง ที่จำเลยแก้ฎีกาว่า ทุนทรัพย์ชั้นฎีกามีจำนวนไม่ถึง 200,000 บาท และเป็นฎีกาในข้อเท็จจริงต้องห้ามฎีกานั้น เห็นว่า โจทก์ฎีกาว่า ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยคดีนอกประเด็นหรือไม่ เป็นปัญหาข้อกฎหมาย แม้ทุนทรัพย์ที่พิพาทในชั้นฎีกาไม่เกิน 200,000 บาท คดีก็ไม่ต้องห้ามฎีกา ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 248 วรรคหนึ่ง
พิพากษากลับให้จำเลยชำระเงิน 189,000 บาท แก่โจทก์ ค่าฤชาธรรมเนียมทั้งสามศาลให้เป็นพับ.