คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 7461/2547

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องโดยอ้างสิทธิในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของ อ. ว่า ที่ดินและอาคารพิพาทที่ อ. ทำสัญญาเช่าซื้อจากจำเลยเป็นทรัพย์มรดกของ อ. ซึ่งตกทอดแก่ทายาทโดยธรรม โจทก์จึงชอบที่จะเรียกร้องสิทธิในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของ อ. ดังกล่าวเอาจาก ม. บุคคลภายนอกผู้เข้ารับสิทธิการเช่าซื้อแทน อ. โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่ทายาทโดยธรรมของ อ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้บังคับจำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินที่เช่าซื้อให้แก่นายอภิชาติ ผู้ตายและ/หรือให้แก่กองมรดกของนายอภิชาติในนามของโจทก์ในฐานะทายาทโดยธรรมของผู้ตายเพื่อโจทก์จะได้นำไปจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ให้แก่ทายาทโดยธรรมทุกคน หากจำเลยไม่ปฏิบัติให้ถือเอาตามคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนาของจำเลย หากสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้บังคับได้ ให้จำเลยใช้เงิน 192,800 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 3,500 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะดำเนินการตามคำขอดังกล่าวแล้วเสร็จ
จำเลยให้การขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่าคดีพอวินิจฉัยได้ จึงให้งดสืบพยานแล้วพิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ได้นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุสมควรที่จะฎีกาในข้อเท็จจริงได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า โจทก์เป็นภริยาโดยชอบด้วยกฎหมายของนายอภิชาติโดยจดทะเบียนสมรสกันเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2538 ตามสำเนาใบสำคัญการสมรส เมื่อวันที่ 8 มกราคม 2524 นายอภิชาติทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารพิพาทแฟลตคลองจั่น ห้องเลขที่ 3/61 จากจำเลยในราคา 192,800 บาท โดยชำระค่าเช่าซื้อล่วงหน้า 8,000 บาท ส่วนที่เหลือผ่อนชำระเป็นรายเดือน เดือนละ 770 บาท รวม 240 เดือน ตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคาร ในวันทำสัญญาเช่าซื้อนายอภิชาติและจำเลยทำบันทึกต่อท้ายสัญญาเช่าซื้อกันว่า “ถ้าผู้เช่าซื้อถึงแก่กรรมลงในระหว่างอายุสัญญาฉบับเดิม ผู้ให้เช่าซื้อยินยอมทำสัญญาเช่าซื้อใหม่กับบุคคลที่มีนามในลำดับหนึ่งลำดับใดตามลำดับก่อนหลังดังต่อไปนี้ ลำดับที่ 1 ชื่อ นางมาลี…” นายอภิชาติได้ชำระค่าเช่าซื้อครบถ้วนเมื่อเดือนกันยายน 2541 ตามใบเสร็จรับเงินงวดที่ 240 แต่ยังไม่ได้รับโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินและอาคารพิพาท ต่อมาวันที่ 21 ธันวาคม 2542 นายอภิชาติถึงแก่ความตาย ตามมรณบัตร เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2542 นางมาลียื่นคำร้องต่อจำเลยขอรับสิทธิเช่าซื้อของนายอภิชาติ ต่อมาวันที่ 3 มีนาคม 2542 จำเลยได้ทำสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารพิพาทกับนางมาลีในฐานะผู้รับสิทธิการเช่าซื้อแทนนายอภิชาติ ตามสำเนาสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคาร
คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า โจทก์มีสิทธิขอให้บังคับจำเลยโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่ทายาทของนายอภิชาติหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ฟ้องโดยอ้างสิทธิในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของนายอภิชาติว่า ที่ดินและอาคารพิพาทที่นายอภิชาติทำสัญญาเช่าซื้อจากจำเลยเป็นทรัพย์มรดกของนายอภิชาติซึ่งตกทอดแก่ทายาทโดยธรรม โจทก์จึงชอบที่จะเรียกร้องสิทธิในฐานะทายาทโดยธรรมผู้รับมรดกของนายอภิชาติดังกล่าวเอาจากนางมาลีบุคคลภายนอกผู้เข้ารับสิทธิการเช่าซื้อแทนนายอภิชาติ โจทก์ไม่มีสิทธิฟ้องขอให้บังคับจำเลยโอนสิทธิตามสัญญาเช่าซื้อที่ดินและอาคารพิพาทให้แก่ทายาทโดยธรรมของนายอภิชาติ ที่ศาลล่างทั้งสองพิพากษายกฟ้องโจทก์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นฎีกาให้เป็นพับ.

Share