คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3599/2530

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์ 200,000 บาท โดยมี ว.เป็นผู้ค้ำประกันและยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมและ ว. ได้มอบใบฝากประจำจำนวนเงิน 500,000 บาท จำนำเป็นประกันไว้ด้วย สัญญาค้ำประกัน ข้อ 9 ระบุว่าในกรณีที่ผู้กู้ผิดนัด… ให้ผู้กู้มีสิทธิที่จะเอาทรัพย์สินที่จำนำออกขายทอดตลาดได้… โดยไม่ต้องบอกกล่าว หากไม่พอชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันยอมใช้ให้จนครบ ในบันทึกสลักหลังการจำนำใบฝากของ ว. มีความว่า เมื่อครบกำหนดเวลาชำระหนี้ หากลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระอยู่เท่าไร ผู้จำนำยอมให้ธนาคารโจทก์ผู้รับจำนำหักเงินฝากที่จำนำนี้ชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยจนครบโดยให้ถือบันทึกสลักหลังนี้เป็นการบอกกล่าวจำนำเช่นนี้ เงื่อนไขของข้อตกลงดังกล่าว เป็นเพียงให้สิทธิโจทก์ที่จะบังคับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนำได้เท่านั้นตราบใดที่โจทก์ยังมิได้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนำ หนี้ตามสัญญากู้ที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ก็ยังคงมีอยู่ โจทก์ใช้สิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้นั้นได้โดยไม่ต้องบังคับจำนำ.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์ไป ๒๐๐,๐๐๐ บาท กำหนดชำระดอกเบี้ยเป็นรายเดือน และชำระเงินกู้ทั้งหมดภายในวันที่ ๑๕ ธันวาคม ๒๕๒๕ ครบกำหนดแล้วไม่ชำระทั้งต้นเงินและดอกเบี้ย ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน ๒๔๕,๗๔๗ บาท ๙๕ สตางค์ พร้อมทั้งดอกเบี้ยจากต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยให้การปฏิเสธว่า สัญญากู้ระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นนิติกรรมอำพราง ความจริงนายวัลลภ เป็นผู้ขอกู้ แต่ให้จำเลยลงนามในสัญญากู้รายนี้โดยนายวัลลภ เอาสมุดเงินฝากประจำ ๕๐๐,๐๐๐ บาท มาประกันการกู้เงินไว้ ทั้งตามข้อตกลงในสัญญากู้ระบุให้โจทก์มีสิทธิหักหนี้เงินกู้จากเงินที่จำเลยฝากไว้กับโจทก์และจากบัญชีเงินฝากของนายวัลลภผู้ค้ำประกันที่นำไปค้ำประกันได้โดยไม่ต้องบอกกล่าว และโจทก์ได้หักหนี้จากบัญชีเงินฝากของนายวัลลภแล้วจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ โจทก์คิดดอกเบี้ยไม่ถูกต้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน ๒๔๕,๗๔๗ บาท ๙๕ สตางค์พร้อมทั้งดอกเบี้ยจากต้นเงิน ๒๐๐,๐๐๐ บาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า จำเลยทำสัญญากู้เงินไปจากโจทก์จำนวน ๒๐๐,๐๐๐ บาท มีนายวัลลภ เป็นผู้ค้ำประกันและยอมรับผิดอย่างลูกหนี้ร่วมตามสัญญาค้ำประกันเอกสารหมาย ล.๑ โดยนายวัลลภได้มอบใบฝากประจำจำนวนเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ของตนที่ฝากประจำไว้กับโจทก์ตามเอกสารหมาย ล.๒ จำนำเป็นประกันไว้ด้วยจำเลยฎีกาว่าจำเลยไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย เพราะเป็นความผิดของโจทก์เองที่มิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขในสัญญาค้ำประกันและร่วมรับผิดเอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๙ กับบันทึกสลักหลังใบฝากประจำเอกสารหมาย ล.๒ พิเคราะห์แล้วเห็นว่าตามสัญญาค้ำประกัน เอกสารหมาย ล.๑ ข้อ ๙ ที่ว่าในกรณีที่ผู้กู้ผิดนัด ไม่ชำระเงินตามกำหนดเวลาในสัญญากู้เงิน ให้ผู้กู้มีสิทธิที่จะเอาทรัพย์สินที่จำนำออกขายทอดตลาดได้เมื่อพ้นกำหนด ๓ วันนับแต่วันผิดนัดโดยไม่ต้องบอกกล่าว หากไม่พอชำระหนี้ ผู้ค้ำประกันยอมใช้ให้จนครบ ก็ดีบันทึกสลักหลังการจำนำใบฝากของนายวัลลภ เอกสารหมาย ล.๒ ที่ว่า เมื่อครบกำหนดเวลาชำระหนี้ หากลูกหนี้มีหนี้ค้างชำระอยู่เท่าไรผู้จำนำยอมให้ธนาคารโจทก์ผู้รับจำนำหักเงินฝากที่จำนำนี้ชำระหนี้ต้นเงินและดอกเบี้ยจนครบถ้วน โดยให้ถือบันทึกสลักหลังนี้เป็นการบอกกล่าวการจำนำ ก็ดี ตามเงื่อนไขดังกล่าวทั้งสองกรณี ก็เป็นเพียงให้สิทธิโจทก์ที่จะบังคับชำระหนี้จากทรัพย์ที่จำนำได้เท่านั้น ตราบใดที่โจทก์ยังมิได้บังคับชำระหนี้จากทรัพย์จำนำ หนี้ตามสัญญากู้ที่จำเลยทำไว้กับโจทก์ยังคงมีอยู่ โจทก์ใช้สิทธิฟ้องบังคับตามสัญญากู้นั้นได้โดยไม่ต้องบังคับจำนำ ดังนี้ จำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์ตามฟ้อง ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำเลยเป็นฝ่ายแพ้คดีนั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผล
พิพากษายืน.

Share