คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1340/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

สัญญากำหนดว่า หากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญา และผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญาผู้รับจ้างจะจ่ายค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ23,706.54 บาท สำหรับความล่าช้านับแต่วันกำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริงหมายความว่าผู้รับจ้างต้องจ่ายค่าปรับเพราะเหตุส่งมอบงานล่าช้านับแต่วันที่กำหนดทำงานแล้วเสร็จตามสัญญา จนถึงวันทำงานแล้วเสร็จจริงกรณีหนึ่งกับสำหรับความล่าช้านับแต่วันที่ผู้ว่าจ้างขยายให้จนถึงวันที่ผู้รับจ้างทำงานแล้วเสร็จอีกกรณีหนึ่ง เมื่อผู้รับจ้างมิได้เข้าทำงานตามที่ได้ทำสัญญาไว้เลย จึงไม่มีวันที่ผู้รับจ้างทำงานแล้วเสร็จหลังจากวันที่ครบกำหนดสัญญาได้ ผู้ว่าจ้างจึงไม่อาจเรียกเบี้ยปรับเป็นรายวันตามข้อสัญญาดังกล่าวได้

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ได้ทำสัญญาจ้างเหมาให้จำเลยทำการก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำพร้อมอาคารประกอบและบ้านพักราชการ แต่หลังจากทำสัญญาแล้วจำเลยเพิกเฉยไม่ดำเนินการก่อสร้าง โจทก์มีหนังสือเตือนให้จำเลยปฏิบัติตามสัญญา แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงมีหนังสือบอกเลิกสัญญาไปยังจำเลยขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 1,041,727.50บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในจำนวนเงิน1,010,160.08 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยใช้เงิน 796,801.22 บาท แก่โจทก์พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีในจำนวนเงินดังกล่าวนับแต่วันที่ 1 เมษายน 2531 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังยุติว่า เมื่อวันที่25 กรกฎาคม 2529 โจทก์ทำสัญญาจ้างให้จำเลยทำการก่อสร้างระบบคลองส่งน้ำสายใหญ่ฝั่งซ้าย ระบบชลประทานในแปลงนาพร้อมอาคารประกอบและบ้านพักราชการในเขตโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยจรเข้มากอำเภอเมืองบุรีรัมย์ จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น23,706,541.78 บาท โดยมีสัญญาระบุว่าหากจำเลยไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด และโจทก์ยังมิได้บอกเลิกสัญญาจำเลยจะจ่ายค่าปรับให้แก่โจทก์วันละ 23,706.54 บาท สำหรับความล่าช้านับแต่วันกำหนดแล้วเสร็จหรือวันที่โจทก์ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง จำเลยมิได้ทำงานแต่อย่างใด โจทก์มีหนังสือเตือนจำเลยหลายครั้ง แต่จำเลยเพิกเฉย โจทก์จึงบอกเลิกสัญญาและจ้างบริษัท ช.การช่าง จำกัด ให้ดำเนินการก่อสร้างจนแล้วเสร็จ
ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์มีเพียงว่า โจทก์จะเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยวันละ 23,706.54 บาท รวม 9 วัน เป็นเงิน213,358.86 บาท ได้หรือไม่ เห็นว่า ตามสัญญาจ้างข้อ 17 อันเป็นข้อที่โจทก์อาศัยเรียกเบี้ยปรับจากจำเลยนั้นมีข้อความว่าหากผู้รับจ้างไม่สามารถทำงานให้แล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนดไว้ในสัญญาและผู้ว่าจ้างยังมิได้บอกเลิกสัญญา ผู้รับจ้างจะจ่ายค่าปรับให้แก่ผู้ว่าจ้างเป็นจำนวนเงินวันละ 23,706.54 บาท สำหรับความล่าช้านับแต่วันกำหนดแล้วเสร็จตามสัญญาหรือวันที่ผู้ว่าจ้างได้ขยายให้จนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริง ข้อความดังกล่าวเห็นได้ว่า การที่จำเลยต้องจ่ายค่าปรับตามสัญญาข้อนี้เป็นการจ่ายค่าปรับเพราะเหตุส่งมอบงานล่าช้านับแต่วันที่กำหนดทำงานแล้วเสร็จตามสัญญาจนถึงวันที่ทำงานแล้วเสร็จจริงกรณีหนึ่ง กับสำหรับความล่าช้านับแต่วันที่โจทก์ขยายให้จนถึงวันที่จำเลยทำงานแล้วเสร็จอีกกรณีหนึ่ง คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยมิได้เข้าทำงานตามที่ได้ทำสัญญาไว้เลยกรณีจึงไม่อาจมีวันที่จำเลยทำงานแล้วเสร็จหลังจากวันครบกำหนดสัญญาได้ เมื่อเป็นเช่นนี้โจทก์จึงไม่อาจเรียกเบี้ยปรับเป็นรายวันตามฟ้องได้
พิพากษายืน

Share