แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยติดต่อกันมาหลายครั้ง โดยในสองครั้งสุดท้ายศาลชั้นต้นได้สั่งกำชับจำเลยทั้งสามไว้อย่างชัดแจ้งว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีกไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ และให้สืบพยานจำเลยให้ได้ในนัดต่อไป แต่จำเลยก็หาได้นำพาไม่ พฤติการณ์ของจำเลยดังกล่าว เป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่า จำเลยไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสำคัญแก่คดีของจำเลยเอง อันถือได้ว่าเป็นการประวิงคดีศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีและถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบจึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยที่ ๑ ชำระต้นเงินตามเช็ค ๓ ฉบับพร้อมดอกเบี้ย และบังคับจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ร่วมรับผิดในฐานะผู้ค้ำประกัน หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระ ให้ยึดทรัพย์จำนองขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้แก่โจทก์
จำเลยทั้งสามให้การว่า จำเลยที่ ๑ ชำระหนี้แล้ว จำเลยทั้งสามจึงไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว นัดสืบพยานจำเลยทั้งสามปรากฏว่าจำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีหลายครั้ง ในครั้งสุดท้ายทนายจำเลยที่ ๑ ขอเลื่อนคดี ส่วนทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ขอถอนตัวจากการเป็นทนายของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ถอนตัว กับเห็นว่าจำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีเป็นการประวิงคดีไม่อนุญาตให้เลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานมาสืบ พิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ชำระเงินจำนวน ๕๐๐,๐๐๐ บาท ๔๐๐,๐๐๐ บาท และ ๔๐๐,๐๐๐บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี นับแต่วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์๒๕๒๗ วันที่ ๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ และวันที่ ๕ มีนาคม ๒๕๒๗ ตามลำดับจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ แต่ดอกเบี้ยทั้งหมดถึงวันฟ้องให้ไม่เกิน๔๖๔,๗๔๕.๒๑ บาท ให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ร่วมรับผิดชำระเงิน ๑,๐๐๐,๐๐๐บาท กับดอกเบี้ยอัตราร้อยละ ๑๘ ต่อปี ของต้นเงิน ๕๐๐,๐๐๐ บาท นับจากวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ ของต้นเงิน ๔๐๐,๐๐๐ บาท นับจากวันที่๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ และของต้นเงิน ๑๐๐,๐๐๐ บาท นับจากวันที่ ๕มีนาคม ๒๕๒๗ จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสามไม่ชำระให้ยึดที่ดินจำนองโฉนดเลขที่ ๕๙๒๙๔ แขวงบางนา เขตพระโขนงกรุงเทพมหานคร ออกขายทอดตลาดชำระหนี้ตามความรับผิดของแต่ละคนจนครบ
จำเลยทั้งสามอุทธรณ์คำสั่งศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยทั้งสามฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า คดีมีปัญหาในชั้นฎีกาเพียงว่า มีเหตุสมควรอนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีหรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความตามสำนวนคดีนี้ว่าศาลชั้นต้นได้ทำการสืบพยานโจทก์มาตั้งแต่ต้นจนถึงวันที่๒๐ ตุลาคม ๒๕๒๙ อันเป็นวันนัดสืบพยานโจทก์นัดสุดท้ายและนัดสืบพยานจำเลยในวันเดียวกัน เมื่อสืบพยานโจทก์เสร็จแล้ว ทนายจำเลยทั้งสามขอเลื่อนคดีอ้างว่าพยานจำเลยไม่มาศาลเนื่องจากติดธุระจำเป็นศาลชั้นต้นอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยในวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๒ถึงวันนัดทนายจำเลยที่ ๑ แถลงขอเลื่อนคดีอ้างว่าจำเลยที่ ๑ ป่วยส่วนทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ อ้างว่าไม่ได้เตรียมพยานมา ขอเลื่อนคดีไป โดยทนายจำเลยทั้งสามแถลงว่านัดต่อไปจะไม่ขอเลื่อนอีกไม่ว่าโดยเหตุใด ๆ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งอนุญาตให้เลื่อนไปสืบพยานจำเลยในวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๒๙ โดยสั่งกำชับให้จำเลยทั้งสามนำพยานมาให้พร้อมโดยศาลจะไม่อนุญาตให้เลื่อนอีกไม่ว่าเหตุใด ๆ แต่ครั้นถึงวันนัดทนายจำเลยที่ ๑ ขอถอนตัวจากการเป็นทนายและจำเลยที่ ๑ขอเลื่อนคดีอ้างว่าไม่สามารถแต่งทนายได้ทัน ส่วนทนายจำเลยที่ ๒ที่ ๓ มอบฉันทะให้เสมียน ทนายยื่นคำร้องขอเลื่อนคดีอ้างว่าป่วยโดยไม่มีใบรับรองแพทย์มาแสดงต่อศาล โจทก์แถลงคัดค้าน แต่ศาลชั้นต้นก็ยังอนุญาตให้ทนายจำเลยที่ ๑ ถอนตัวได้ และให้เลื่อนคดีไปเป็นวันที่ ๒๔ ธันวาคม ๒๕๒๙ โดยกำชับจำเลยทั้งสามอีกว่า ให้จำเลยทั้งสามเตรียมพยานมาให้พร้อม จะไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีอีก ไม่ว่าเหตุใด ๆ หากทนายจำเลยคนใดป่วยหรือถอนตัวก็ให้จำเลยแต่งตั้งทนายความที่สามารถปฏิบัติหน้าที่เข้ามาดำเนินคดี แต่ถึงวันนัด ทนายจำเลยที่ ๑ แถลงขอเลื่อนคดีอีก อ้างว่าไม่มีพยานมาศาลและตนเพิ่งได้รับแต่งตั้งเข้ามาใหม่ ส่วนทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓มอบฉันทะให้เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นขอถอนตัวจากการเป็นทนายความของจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ถอนตัวเพราะทนายจำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ยังมิได้แจ้งการถอนตัให้จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ทราบ กับเห็นว่าจำเลยทั้งสามประวิงคดี จึงไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดี ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยทั้งสามขอเลื่อนการสืบพยานจำเลยติดต่อกันมาหลายครั้ง โดยในสองครั้งสุดท้ายศาลชั้นต้นได้สั่งกำชับจำเลยทั้งสามไว้อย่างชัดแจ้งว่าจะไม่ให้เลื่อนคดีอีก ไม่ว่าด้วยเหตุใด ๆ และให้สืบพยานจำเลยให้ได้ในนัดต่อไป แต่จำเลยทั้งสามก็หาได้นำพาไม่ พฤติการณ์ของจำเลยทั้งสาดังกล่าวแล้ว เป็นการแสดงโดยชัดแจ้งว่าจำเลยทั้งสามไม่เอาใจใส่และไม่ให้ความสำคัญแก่คดีของจำเลยทั้งสามเอง อันถือได้ว่าเป็นการประวิงคดี ที่ศาลล่างทั้งสองไม่อนุญาตให้จำเลยทั้งสามเลื่อนคดีและถือว่าจำเลยทั้งสามไม่มีพยานมาสืบจึงชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.