แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์นำสืบพยานก่อน เสร็จแล้วแถลงหมดพยาน จำเลยที่ 2 นำสืบพยานและขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจลายมือชื่อผู้สลักหลังเช็คพิพาท ซึ่งเป็นเรื่องการนำสืบพยานหลักฐานของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่ของโจทก์ โจทก์จะขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวอีก หลังจากจำเลยที่ 2 ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์เสร็จสิ้นแล้วไม่ได้ เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ช่วยหาตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เพื่อส่งไปเปรียบเทียบในการตรวจพิสูจน์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้โจทก์นำสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติมเมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวได้ดำเนินการโดยครบถ้วนจนทราบผลการตรวจพิสูจน์แล้ว จึงย่อมมีอำนาจไม่อนุญาตให้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อนั้นซ้ำใหม่ตามที่โจทก์ขอได้.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นผู้ทรงเช็ค ซึ่งจำเลยที่ 1 เป็นผู้ออกเช็คและจำเลยที่ 2 เป็นผู้สลักหลังชำระหนี้แก่โจทก์รวม 5 ฉบับรวมเป็นเงินทั้งสิ้น 2,057,500 บาท เมื่อเช็คแต่ละฉบับถึงกำหนดใช้เงิน โจทก์ได้นำเช็คเข้าบัญชีของโจทก์ที่ธนาคารเพื่อเรียกเก็บเงิน แต่ธนาคารปฏิเสธการจ่ายเงิน ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันหรือแทนกันชำระต้นเงินจำนวน 2,057,500 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า โจทก์จะเป็นผู้ทรงเช็คทั้ง 5 ฉบับ โดยชอบหรือไม่ จำเลยที่ 2 ไม่ทราบ อีกทั้งโจทก์มิได้บรรยายฟ้องให้ทราบว่าโจทก์เป็นผู้ทรงเช็คทั้ง 5 ฉบับ อย่างไร พอที่จะให้จำเลยที่ 2 ให้การต่อสู้คดีได้ถูกต้อง ฟ้องของโจทก์จึงเคลือบคลุมเช็คตามฟ้องทั้ง 5 ฉบับจำเลยที่ 2 มิได้เป็นผู้ลงลายมือชื่อสลักหลังจำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดใช้เงินตามเช็คให้แก่โจทก์ รวมทั้งดอกเบี้ยที่โจทก์เรียกมา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 2,090,112.67บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 2,057,500บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ ส่วนจำเลยที่ 2ฟังไม่ได้ว่าเป็นผู้สลักหลังเช็คพิพาทพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์ขอให้จำเลยที่ 2 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ตามฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ในการนำสืบของจำเลยที่ 2 นั้นจำเลยที่ 2 ขอให้ศาลส่งเช็คพิพาททั้ง 5 ฉบับ ไปให้ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ พิสูจน์ลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาททั้ง 5 ฉบับ เปรียบเทียบกับลายมือชื่อในใบแต่งทนายของจำเลยที่ 2ในคดีอื่น และลายเซ็นตัวอย่างของจำเลยที่ 2 ซึ่งเซ็นต่อหน้าศาลจำนวน 20 ชื่อ ว่าเป็นลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันหรือไม่โจทก์ไม่คัดค้าน ต่อมาศาลชั้นต้นได้จัดส่งลายเซ็นตัวอย่างที่จำเลยที่ 2 เซ็นต่อหน้าศาลจำนวน 4 หน้ากระดาษสำเนาใบแต่งทนาย2 ฉบับ ต้นฉบับสัญญาซื้อขาย สำเนาภาพถ่ายบัตรประจำตัวประชาชนสำเนาทะเบียนบ้าน สัญญาขายที่ดินและบันทึกต่อท้ายสัญญาไปให้กองพิสูจน์หลักฐาน กรมตำรวจ เพิ่มเติมตามที่ผู้เชี่ยวชาญมีหนังสือขอมา ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์เสร็จและแจ้งผลให้ศาลชั้นต้นทราบว่าลายมือชื่อด้านหลังเช็คพิพาททั้ง 5 ฉบับ กับลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 ตามเอกสารตัวอย่างไม่ใช่ลายมือชื่อของบุคคลคนเดียวกันหลังจากศาลชั้นต้นรับการแจ้งผลแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องอ้างว่ามีเอกสารบางฉบับที่ผู้เชี่ยวชาญกองพิสูจน์หลักฐานยังมิได้รับไปจากศาลชั้นต้นเพื่อประกอบการตรวจพิสูจน์ ขอให้ส่งหลักฐานดังกล่าวและหลักฐานเดิมไปตรวจพิสูจน์ใหม่อีกครั้ง ศาลชั้นต้นอนุญาต หลังจากส่งไปแล้วทางกองพิสูจน์หลักฐานมีหนังสือแจ้งศาลชั้นต้นว่า แม้โจทก์ได้ส่งเอกสารตัวอย่างลายมือชื่อเพิ่มเติมมาขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์อีกครั้ง ก็ไม่อาจทำให้ผลการตรวจพิสูจน์เดิมมีผลเปลี่ยนแปลงไปแต่ประการใด เนื่องจากตัวอย่างลายมือชื่อในเอกสารเดิมที่นำไปทำการตรวจพิสูจน์สมบูรณ์เพียงพอแล้ว โจทก์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นว่าเมื่อทางกองพิสูจน์หลักฐานไม่ยอมตรวจพิสูจน์ใหม่โจทก์จึงขอให้ผู้เชี่ยวชาญที่โจทก์อ้างทำการตรวจพิสูจน์ใหม่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง โจทก์ได้ยื่นคำแถลงคัดค้านต่อศาลชั้นต้น
พิเคราะห์แล้ว ที่โจทก์ฎีกาว่า คำสั่งของศาลชั้นต้นที่สั่งยกคำร้องของโจทก์ไม่อนุญาตให้โจทก์ขอให้ผู้เชี่ยวชาญทำการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้สลักหลังเช็คพิพาทว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบนั้น เห็นว่าโจทก์ได้นำสืบพยานของโจทก์ก่อนและสืบพยานโจทก์เสร็จแล้วตั้งแต่เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2527 โจทก์แถลงหมดพยานตามรายงานกระบวนพิจารณาฉบับลงวันที่ 8 พฤศจิกายน 2527 แล้ว ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานของจำเลยที่ 2 ในการนำสืบพยานของจำเลยที่ 2 นั้นจำเลยที่ 2 ได้ขอให้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อผู้สลักหลังเช็คพิพาทด้วยปรากฏตามบัญชีระบุพยานของจำเลยที่ 2 ฉบับลงวันที่ 7 กันยายน 2527และก่อนจะหมดพยานจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ก็ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าว ซึ่งเป็นเรื่องการนำสืบพยานหลักฐานของจำเลยที่ 2 ไม่ใช่ของโจทก์ เพราะโจทก์ได้นำสืบพยานหลักฐานของโจทก์เสร็จสิ้นไปก่อนแล้ว โจทก์จะขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวอีกครั้งหนึ่งหลังจากจำเลยที่ 2 ได้ขอให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจพิสูจน์เสร็จสิ้นแล้วไม่ได้เป็นการไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา แม้ศาลชั้นต้นอนุญาตให้โจทก์ช่วยหาตัวอย่างลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 เพื่อส่งไปเปรียบเทียบในการตรวจพิสูจน์ ก็ถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้โจทก์นำสืบพยานหลักฐานเพิ่มเติม เมื่อศาลชั้นต้นเห็นว่าการตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อดังกล่าวได้ดำเนินการโดยครบถ้วนจนทราบผลการตรวจพิสูจน์แล้ว จึงย่อมมีอำนาจไม่อนุญาตให้ตรวจพิสูจน์ลายมือชื่อนั้นซ้ำใหม่ตามที่โจทก์ขอได้ คำสั่งของศาลชั้นต้นดังกล่าวชอบแล้ว ข้อเท็จจริงจึงน่าเชื่อว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ลงลายมือชื่อสลักหลังเช็คพิพาทดังนี้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดต่อโจทก์”
พิพากษายืน.