คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยที่ 1 ยื่นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อล่วงเลยกำหนดอายุอุทธรณ์แล้วว่า ความผิดคดีนี้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดลำพูนและเขตศาลจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลอาญา ปัญหานี้แม้ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้แต่ เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย เมื่อจำเลยที่ 1 ฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยได้
เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ 1 ที่จังหวัดลำพูนจับจำเลย ที่ 2 ที่กรุงเทพมหานคร ได้ในวันเดียวกันพร้อมด้วยมอร์ฟีนของกลาง ต่อมาจับจำเลยที่ 3 ที่ 4 ได้ที่ จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนกองปราบปรามได้ตั้งข้อหาว่าจำเลยร่วมกันมีมอร์ฟีนไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย และได้ทำการสอบสวนความผิดที่ถูกกล่าวหานี้แล้วที่กรุงเทพมหานคร โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ 1 ที่ ศาลอาญาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 22(1)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสี่ร่วมกันมีมอร์ฟีนจำนวน ๔ แท่งอันเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท ๒ ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยมิได้รับอนุญาต และจำเลยที่ ๓ ได้จำหน่ายมอร์ฟีนดังกล่าวให้แก่ผู้อื่นโดยมิได้รับอนุญาต เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ได้พร้อมกับยึดมอร์ฟีน ๔ แท่ง กาวกระป๋องและรถยนต์หมายเลขทะเบียน ๕ ข – ๒๕๑๐ กรุงเทพมหานคร เป็นของกลาง ขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๔, ๗(๒), ๘, ๑๗, ๖๙, ๑๐๒ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๙๑ ประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ ๑๑ ลงวันที่ ๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๑๔ ข้อ ๒ และริบของกลาง
จำเลยที่ ๑ ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ และที่ ๔ให้การปฏิเสธ ศาลสั่งให้แยกฟ้องเป็นคดีใหม่
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๑ มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. ๒๕๒๒ มาตรา ๗(๒), ๑๗, ๖๙ ให้จำคุกตลอดชีวิต ลดรับสารภาพแล้วคงจำคุก ๓๓ ปี ๔ เดือน ของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ ๑ ฎีกาว่าความผิดคดีนี้เกิดขึ้นในเขตศาลจังหวัดลำพูนและศาลจังหวัดเชียงใหม่ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องที่ศาลอาญา เห็นว่า ปัญหานี้จำเลยที่ ๑ ได้ยื่นเป็นคำร้องขอแก้ไขเพิ่มเติมอุทธรณ์ แต่ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยให้เพราะยื่นขอเพิ่มเติมอุทธรณ์เมื่อล่วงเลยกำหนดอายุอุทธรณ์แล้ว จึงถือว่าปัญหานี้มิได้ยกขึ้นว่ากันในศาลอุทธรณ์ แต่เนื่องจากเป็นปัญหาข้อกฎหมายที่เกี่ยวกับความสงบเรียบร้อย จำเลยที่ ๑ จึงยกขึ้นฎีกาได้ พิเคราะห์แล้ว เจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ ได้ในวันเดียวกันพร้อมด้วยยึดได้มอร์ฟีน ๔ แท่งเป็นของกลางโดยจับจำเลยที่ ๑ ที่จังหวัดลำพูน จับจำเลยที่ ๒ ที่กรุงเทพมหานคร ต่อมาจับจำเลยที่ ๓ ที่ ๔ ที่จังหวัดเชียงใหม่ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม กรมตำรวจ ซึ่งได้รับแต่งตั้งจากอธิบดีกรมตำรวจได้สอบสวนคดีนี้โดยตั้งข้อหาว่าจำเลยร่วมกันมีมอร์ฟีนของกลางไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่าย เมื่อปรากฏว่าเจ้าพนักงานจับจำเลยที่ ๒ ในท้องที่กรุงเทพมหานคร และพนักงานสอบสวนในท้องที่ดังกล่าวได้ทำการสอบสวนความผิดที่ถูกกล่าวหานี้แล้ว โจทก์จึงมีอำนาจฟ้องจำเลยที่ ๑ ที่ศาลอาญาให้ชำระคดีนี้ได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา ๒๒(๑)
พิพากษายืน

Share