คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 358/2522

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

เจ้าของที่ดินมิได้มอบอำนาจให้ไปขออนุญาตสร้างตึกแถวจำเลยที่ 1 รับจ้างคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของที่ดิน สร้างขึ้น จำเลยที่ 1 เอาตึกแถวไปให้โจทก์เช่าไม่ได้สัญญาจองเช่าตึกแถวระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ผูกพันเจ้าของที่ดิน จำเลยที่ 1 ต้องคืนเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่โจทก์ตามส่วนนอกจากที่โจทก์ได้เข้าอยู่ในตึกแถวมาแล้ว
เอกสารสัญญาที่ตกลงว่าโจทก์ชำระค่าช่วยก่อสร้างแล้วจำเลยจะจัดการให้โจทก์ได้เช่าตึกแถวกับเจ้าของที่ดิน เป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่ง ประมวลรัษฎากร มิได้กำหนดให้ปิดอากรแสตมป์อย่างจ้างทำของรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

ย่อยาว

จำเลยที่ 2 เป็นเจ้าของที่ดินที่ปลูกตึกแถวให้เช่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้ปลูกสร้างตึกแถวโดยรับจ้าง ช. จำเลยที่ 2 มิได้ให้อำนาจ โจทก์เสียเงินช่วยค่าก่อสร้างแก่จำเลยที่ 1 โดยจำเลยที่ 1 ให้จองเช่าตึกแถวโดยจะจัดให้โจทก์ได้เช่าจากจำเลยที่ 2แต่จำเลยที่ 2 ไม่ยอมให้โจทก์เช่าศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องที่โจทก์ขอให้บังคับจำเลยที่ 2 ทำสัญญาให้โจทก์เช่า หรือคืนเงินที่ได้รับไว้จากโจทก์ ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้จำเลยที่ 2 ทำสัญญาให้โจทก์เช่า 12 ปี ถ้าทำไม่ได้ให้จำเลยทั้งสองคืนเงิน 140,000 บาท จำเลยฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า “ตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏว่านายจิตรแสงทับทิม ไปขออนุญาตต่อเทศบาลนครกรุงเทพเพื่อปลูกสร้างตึกพิพาทโดยมิได้รับมอบอำนาจจากจำเลยที่ 2 และตึกพิพาทที่สร้างขึ้นมานี้จำเลยที่ 1เป็นผู้รับจ้างก่อสร้างให้นายเช็งน้ำ แซ่กอ ไม่ใช่รับจ้างก่อสร้างให้จำเลยที่ 2จำเลยที่ 1 จึงหามีสิทธิเอาตึกพิพาทไปให้ผู้ใดทำสัญญาจองไม่สัญญาจองตึกพิพาทที่ทำขึ้นระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1 ไม่ผูกพันจำเลยที่ 2 ที่จะต้องทำสัญญาให้โจทก์เช่า ทั้งการที่จำเลยที่ 1 เรียกและรับเงินช่วยค่าก่อสร้าง 140,000 บาทจากโจทก์ไว้แล้วนั้น จำเลยที่ 2 มิได้เกี่ยวข้องด้วย จำเลยที่ 2 ไม่ต้องร่วมรับผิดคืนเงินดังกล่าวให้โจทก์ เมื่อจำเลยที่ 1 ไม่สามารถปฏิบัติตามสัญญาจองตึกแถวโดยจัดการให้โจทก์ทำสัญญาเช่าตึกพิพาทกับจำเลยที่ 2 ได้ก็ต้องคืนเงินช่วยค่าก่อสร้างให้แก่โจทก์ความปรากฏว่าโจทก์เข้าอยู่ในตึกพิพาทสมประโยชน์แล้วตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2510 ตลอดมา ศาลฎีกาเห็นสมควรให้จำเลยที่ 1คืนเงินให้แก่โจทก์ โดยเทียบตามส่วนเวลาที่โจทก์ได้รับประโยชน์กับเงินช่วยค่าก่อสร้างที่โจทก์เสียไปแล้ว โดยให้คืนหนึ่งในสี่ส่วนเป็นเงิน 35,000 บาท

ที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่า สัญญาจองตึกแถวเอกสาร จ.6 ไม่ใช่สัญญาต่างตอบแทน หากแต่มีลักษณะเป็นสัญญาจ้างทำของ ซึ่งต้องปิดอากรแสตมป์แต่ไม่ปรากฏว่ามีการปิดอากรแสตมป์ตามประมวลรัษฎากร จะรับฟังเป็นพยานในคดีไม่ได้นั้น ศาลฎีกาเห็นว่า ในสัญญาดังกล่าวคู่สัญญาได้มีข้อตกลงเรื่องทำสัญญาเช่าว่าเมื่อโจทก์ชำระเงินช่วยค่าก่อสร้างให้จำเลยที่ 1 ครบถ้วนเรียบร้อยแล้วโจทก์จำเลยที่ 1 จะจัดการให้โจทก์ทำสัญญาเช่ากับจำเลยที่ 2มีกำหนดเวลาเช่า 12 ปี อันมีลักษณะเป็นการปฏิบัติตอบแทนแก่อีกฝ่ายหนึ่งจากผลที่จำเลยที่ 1 ได้รับ ข้อตกลงเช่นนี้จึงเป็นสัญญาต่างตอบแทนซึ่งประมวลรัษฎากรก็มิได้บัญญัติให้ต้องปิดอากรแสตมป์ จึงรับฟังเป็นพยานหลักฐานได้

พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยที่ 1 คืนเงิน 35,000 บาทพร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ 7 ครึ่งต่อปี นับแต่วันศาลพิพากษาจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ คำขอข้ออื่นของโจทก์นอกจากนี้ให้ยก ค่าทนายความชั้นฎีการะหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 1ให้เป็นพับ ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 ค่าฤชาธรรมเนียม ค่าทนายความทั้งสามศาลระหว่างโจทก์กับจำเลยที่ 2 ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์”

Share