แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยนำภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต รวม 2 ภาพกับภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1ภาพ ซึ่งเป็นภาพอันแท้จริงมา นำเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงไปในตำแหน่งใบหน้าของผู้มีชื่อ และแก้เลข พ.ศ.2508 ในภาพผู้มีชื่อถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาภาพหนึ่ง เป็น พ.ศ.2504 แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่ กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตรวม 2 ภาพ และเป็นภาพจำเลยสวมครุยปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 1 ภาพ แล้วนำภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพใส่กรอบติดไว้ในร้านขายยาของจำเลย
ดังนี้ การที่จำเลยเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงในตำแหน่งใบหน้าของภาพถ่ายผู้มีชื่อ แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิต 2 ภาพ กับภาพถ่ายจำเลยถ่ายขณะสวมครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 1 ภาพเป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ทำให้ปรากฏความหมายด้วยตัวอักษรตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น ตามความหมายของคำว่าเอกสารดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7)ภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพของจำเลยจึงไม่เป็นเอกสารส่วนที่ภาพถ่ายภาพหนึ่งซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทย์ศาสตร์บัณฑิตมีตัวอักษรและตัวเลขอยู่เหนือและนอกภาพถ่ายว่า ‘มหาวิทยาลัยแพทย์ศาสตร์ 2504’ ซึ่งตัวเลข 2504จำเลยแก้จากตัวเลข 2508 นั้น โจทก์มิได้นำสืบว่าตัวอักษรและตัวเลขนั้นมีความหมายถึงอะไร จึงไม่ปรากฏความหมายอันจะทำให้เป็นเอกสารในตัวเอง หรือทำให้ภาพถ่ายที่ไม่เป็นเอกสารนั้นเกิดเป็นเอกสารขึ้นได้การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานมีลูกระเบิดที่ใช้เฉพาะแต่ในการสงคราม จำหน่ายยาอันตรายโดยมิได้รับอนุญาต มียาอันตรายและควบคุมพิเศษ ซึ่งเหลือจากจำหน่ายไว้เพื่อขายโดยมิได้รับอนุญาต ประกอบวิชาชีพเวชกรรมโดยมิได้รับใบอนุญาต เปิดร้านรับตรวจและบำบัดโรค ปลอมเอกสาร ใช้เอกสารปลอม และได้ใช้ครุยวิทยฐานะของมหาวิทยาลัยมหิดล โดยไม่มีสิทธิ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 264, 268 พระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ พระราชบัญญัติยามาตรา 4, 12, 101, 126 พระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรม มาตรา 4,21, 36 และพระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล มาตรา 7, 49 และขอให้ริบของกลาง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามฟ้องลงโทษตามมาตรา 268 จำคุก 2 ปี ตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน จำคุก 3 ปี ตามพระราชบัญญัติยา จำคุก 6 เดือน ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมจำคุก 6 เดือน รวมจำคุก 6 ปี จำเลยรับสารภาพชั้นสอบสวนลดโทษให้หนึ่งในสามคงจำคุก 4 ปี ของกลางริบ
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่าจำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติอาวุธปืนฯ จำคุก 3 ปี พระราชบัญญัติยา จำคุก 6 เดือน ตามพระราชบัญญัติวิชาชีพเวชกรรมจำคุก 6 เดือน พระราชบัญญัติมหาวิทยาลัยมหิดล จำคุก3 เดือน รวมจำคุก 4 ปี 3 เดือน ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 ปี 10 เดือน
โจทก์ฎีกาขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264,268 ด้วย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า พิเคราะห์หลักฐานพยานโจทก์จำเลยแล้วข้อเท็จจริงฟังได้ว่าจำเลยร่วมกับพวกนำภาพถ่ายผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์รวม 2 ภาพ กับภาพถ่ายของผู้มีชื่อซึ่งถ่ายขณะสวมครุยวิทยาฐานะของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 1 ภาพ ซึ่งเป็นภาพอันแท้จริงมา นำเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงไปในตำแหน่งใบหน้าของผู้มีชื่อ และแก้เลข พ.ศ. 2508 ในภาพผู้มีชื่อถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาภาพหนึ่งเป็น พ.ศ. 2504 แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่ กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทยศาสตร์บัญฑิต รวม 2 ภาพ (หมาย จ.5,จ.6) และเป็นภาพจำเลยสวมครุยปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต 1 ภาพ (หมาย จ.7) แล้วนำภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพใส่กรอบติดไว้ในร้านขายยาของจำเลย ปัญหามีว่า ตามข้อเท็จจริงดังกล่าวจำเลยมีความผิดฐานปลอมเอกสาร และใช้เอกสารปลอมตามฟ้องโจทก์หรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยเอาภาพเฉพาะใบหน้าของจำเลยปิดทับลงในตำแหน่งใบหน้าของภาพถ่ายผู้มีชื่อ แล้วถ่ายภาพอัดขยายใหม่กลายเป็นภาพถ่ายซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต 2 ภาพ กับภาพจำเลยถ่ายขณะสวมครุยวิทยาฐานะของมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 1 ภาพนั้นเป็นภาพถ่ายที่ไม่ได้ทำให้ปรากฏ ความหมายด้วยตัวอักษร ตัวเลข ผัง หรือแผนแบบอย่างอื่น ตามความหมายของคำว่าเอกสารดังที่บัญญัติไว้ในประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 1(7) ภาพถ่ายทั้ง 3 ภาพของจำเลยจึงไม่เป็นเอกสาร ส่วนที่ภาพถ่ายหนึ่ง (หมายจ.6) ซึ่งดูแล้วเป็นภาพจำเลยถ่ายขณะรับพระราชทานปริญญาแพทยศาสตรบัณฑิต มีตัวอักษรและตัวเลขอยู่เหนือและนอกภาพถ่ายว่า “มหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ 2504” ซึ่งตัวเลข 2504 จำเลยแก้จากตัวเลข 2508 นั้น โจทก์มิได้นำสืบว่าตัวอักษรและตัวเลขนั้นมีความหมายถึงอะไร เพราะจำเลยให้การปฏิเสธ ตัวอักษรและตัวเลขดังกล่าวจึงไม่ปรากฏความหมายอันจะทำให้เป็นเอกสารในตัวเอง หรือได้ทำให้ภาพถ่าย (หมาย จ.6) ที่ไม่เป็นเอกสารนั้นเกิดเป็นเอกสารขึ้นได้ การกระทำของจำเลยจึงไม่เป็นความผิดฐานปลอมเอกสารและใช้เอกสารปลอมดังโจทก์ฟ้อง ศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ในข้อหาฐานนี้ชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน