แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ออกตามรอยโคที่ถูกลักไปในวันที่หายและไปพบจำเลยกำลังฆ่าโคในวันนั้นลงโทษจำเลยฐานลักทรัพย์ได้ วิธีพิจารณาอาญา พรรณาฟ้องความประสงค์ของโจทก์ โจทก์บรรยานฟ้องว่าจำเลยลักทรัพย์เมื่อเจ้าทรัพย์ตามไปพบ จำเลยใช้ปืนยิง แต่มิได้ระบุว่ายิงเพื่ออะไรอันเป็นองค์ประกอบฐานชิงทรัพย์แลมิได้อ้างบทชิงทรัพย์มาด้วย แม้จะได้ความว่าจำเลยมีผิดฐานชิงทรัพย์ก็ลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยสมคบกับพวกลักโคของ บ.ไป ๓ ตัว ในวันนั้นเองเจ้าทรัพย์กับพวกตามไปพบจำเลยกับพวกกำลังฆ่าโคแลเถือเนื้อโคที่ลักไป เจ้าทรัพย์จะจับจำเลยกับพวก จำเลยได้ใช้ปืนยิงมา ๒ นัดไม่ถูกใครแล้วจำเลยกับพวกทิ้งเนื้อโคหนีไป ขอให้ลงโทษตาม ม.๒๙๔-๒๕๐-๖๐ และ พ.ร.บ.ฆ่าโคกระบือฯ ม.๑๘
ทางพิจารณาได้ความว่าตามวันเวลาที่โจทก์หา เจ้าทรัพย์ให้บุตร์กับพวกเอาโคไปเลี้ยงแล้วหายไป ๓ ตัว บุตร์เจ้าทรัพย์กับพวกตามรอยโคไปในวันนั้น พบจำเลยกับพวกกำลังแลเนื้อโคของเจ้าทรัพย์อยู่บุตร์เจ้าทรัพย์ร้องขึ้น คนร้ายก็ลุกขึ้นแล้วจำเลยกับพวกได้ยิงปืนขึ้นคนละนัดไม่ปรากฏว่ากะสุนปืนไปทางใดแล้ว จำเลยกับพวกก็พากันหนีไป
ศาลชั้นต้นลงโทษจำเลยฐานชิงทรัพย์ตาม ม.๒๙๙ จำคุก ๓ ปี ฐานฆ่าโคตาม พ.ร.บ.ฆ่าโคกระบือและสุกรตามหัวเมือง ร.ศ.๑๑๙ ม.๑๘ ปรับ ๓๐ บาท
ศาลอุทธรณ์ยกฟ้องโดยไม่เชื่อข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น แล้ววินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงที่โจทก์กล่าวในฟ้อง เป็นเพียงดำเนินความตามเนื้อเรื่องมิได้ระบุว่าจำเลยยิงเพื่ออะไรซึ่งเป็นองค์ประกอบฐานชิงทรัพย์ มิใช่ความประสงค์ของโจทก์ที่จะขอให้ลงโทษฐานชิงทรัพย์ เป็นแต่ตั้งในให้ลงโทษฐานลักทรัพย์แลพยายามฆ่าคน แต่ไม่มีอุทธรณ์ฎีกาฐานพยายามฆ่าคน จึงลงโทษได้ฐานลักทรัพย์กับฆ่าโค จึงพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้แก้ฉะเพาะความผิดเป็นมาตรา ๒๙๔