คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3578/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยจอดเรืออยู่ในคลองห่างจากเขตที่ดินโจทก์ 18 เมตรเศษและจำเลยจอดเรือมาก่อนโจทก์เป็นเจ้าของบ้านที่ปลูกอยู่ที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน โจทก์ใช้คลองได้สะดวกเพราะมีสะพานท่าเทียบเรือสาธารณะติดกับหน้าที่ดินโจทก์ จำเลยหาได้จอดเรือปิดบังหน้าที่ดินโจทก์ อันเป็นการใช้สิทธิของตนจนเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เสียหายเป็นพิเศษไม่ ดังนี้โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยนำเรือประมงมาจอดในบริเวณลำคลองสาธารณะจนชิดบ้านโจทก์และปิดบังหน้าบ้านโจทก์ซึ่งหันหน้าลงลำคลองเป็นเหตุให้โจทก์ไม่สามารถรับซื้อปลาและสัตว์ทะเลได้ทำให้โจทก์ขาดรายได้ ขอให้บังคับจำเลยออกไปจากหน้าที่ดินของโจทก์ห้ามจำเลยนำเรือของจำเลยมาจอดกีดขวางและปิดบังหน้าที่ดินของโจทก์ตลอดไปและให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์
จำเลยให้การต่อสู้คดี
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังได้ในเบื้องต้นว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดที่ 2907 ตำบลปากน้ำอำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร มีอาณาเขตทิศเหนือจดคลองท่าตะเภาทิศใต้จดทางสาธารณะ ทิศตะวันตกจดที่ดินเลขที่ 84 ของนายขันทิศตะวันออกจดทางสาธารณะซึ่งเป็นถนนคอนกรีดสร้างเชื่อมกับสะพานท่าเทียบเรือสาธารณะยาวลึกเข้าไปในคลองท่าตะเภาประมาณ 13 เมตรตรงปลายสะพานท่าเทียบเรือทำเป็นรูปตัวที ในที่ดินดังกล่าวมีบ้านโจทก์อยู่ 1 หลัง ต่อมาโจทก์ได้ให้นายสำรวจเช่าที่ดินริมคลองท่าตะเภาซึ่งอยู่หน้าที่ดินโจทก์และอยู่นอกเขตโฉนดที่ 2907นายสำรวจได้ปลูกบ้านขึ้น 1 หลัง มีความยาวลึกเข้าไปในคลองท่าตะเภาเสมอกับปลายสะพานท่าเทียบเรือสาธารณะและนายสำรวจได้สร้างสะพานท่าเทียบเรือขึ้นทางทิศเหนือของบ้านกว้าง 7 เมตร ยาวลึกเข้าไปในคลองท่าตะเภาอีก 5 เมตรตรงหน้าสะพานด้านทิศเหนือทางทิศตะวันตกมีเสาผูกเรืออยู่ 1 ต้นจำเลยจอดเรือของจำเลยตรงเสาดังกล่าวมาก่อนโจทก์ บ้านโจทก์และที่พิพาทปรากฏตามแผนที่สังเขปเอกสารหมาย จ.20 หรือ จ.24 และภาพถ่ายหมาย จ.13 มีปัญหามาสู่การวินิจฉัยของศาลฎีกาว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ จำเลยทำละเมิดต่อโจทก์หรือไม่ ค่าเสียหายจำนวนเท่าใด และฟ้องโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
พิเคราะห์แล้ว ในปัญหาที่ว่า โจทก์มีอำนาจฟ้องหรือไม่ เห็นว่าที่ที่จำเลยใช้จอดเรืออยู่ในคลองท่าตะเภาห่างจากเขตที่ดินโจทก์ทางด้านทิศเหนือ 18 เมตรเศษ โจทก์เองก็มีบ้านปลูกอยู่ริมตลิ่งและลึกเข้าไปในคลองท่าตะเภาอันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินสำหรับพลเมืองใช้ร่วมกัน จำเลยจอดเรือของจำเลยในคลองท่าตะเภาจึงไม่เกี่ยวกับที่ดินโจทก์ และจำเลยจอดเรือมาก่อนโจทก์จะเป็นเจ้าของบ้านที่ปลูกอยู่ในที่สาธารณสมบัติของแผ่นดิน นอกจากนี้โจทก์ก็สามารถใช้คลองท่าตะเภาได้สะดวก เพราะมีสะพานท่าเทียบเรือสาธารณะอยู่ติดกับหน้าที่ดินโจทก์ด้วย ตามพฤติการณ์จำเลยหาได้จอดเรือปิดบังหน้าที่ดินโจทก์ อันเป็นการใช้สิทธิของตนเป็นเหตุให้โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เสียหายเป็นพิเศษแต่อย่างใดไม่ โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำเลยประเด็นข้ออื่นจึงไม่จำต้องวินิจฉัย”
พิพากษายืน

Share