คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3576/2542

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

จำเลยต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย ไม่มีประเด็น เรื่องแย่งการครอบครองจึงไม่อาจนำประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 1375 มาใช้บังคับแก่การฟ้องคดีของโจทก์ โจทก์จึง มีสิทธิฟ้องคดีหาใช่หมดสิทธิฟ้อง เพราะประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เป็นบทบังคับเรื่อง กำหนดเวลาสำหรับฟ้อง ซึ่งเป็นระยะเวลาให้สิทธิฟ้องคดี หากไม่ฟ้อง ภายในกำหนดก็หมดสิทธิฟ้อง มิใช่เรื่องอายุความ

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์มิฉะนั้นให้โจทก์รื้อถอนโดยค่าใช้จ่ายของจำเลย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งขอให้ยกฟ้อง ห้ามโจทก์และบริวารเข้ายุ่งเกี่ยวกับที่ดินส่วนดังกล่าวของจำเลย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า ฟ้องโจทก์ไม่ขาดอายุความขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนยุ้งข้าวและสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่ดินของโจทก์ให้เสร็จสิ้นภายใน 1 เดือน นับแต่วันที่ศาลมีคำพิพากษาด้วยค่าใช้จ่ายของจำเลยยกฟ้องแย้ง
จำเลยอุทธรณ์โดยผู้พิพากษาที่นั่งพิจารณาคดีในศาลชั้นต้นรับรองว่ามีเหตุอันควรอุทธรณ์ในข้อเท็จจริงได้
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยเฉพาะในข้อกฎหมายตามที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมายของจำเลยว่า การฟ้องคดีของโจทก์จะต้องบังคับตามบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 ที่ว่าต้องฟ้องเพื่อเอาคืนซึ่งการครอบครองภายใน 1 ปี นับแต่เวลาถูกแย่งการครอบครองหรือไม่ เห็นว่าตามคำฟ้องเป็นเรื่องโจทก์ขอให้ขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์ซึ่งเดิมโจทก์อนุญาตให้จำเลยเข้าไปปลูกยุ้งข้าว หลังจากนั้นโจทก์และจำเลยทำสัญญาแลกเปลี่ยนที่ดินส่วนพิพาทกับที่ดินส่วนของจำเลย แต่จำเลยกลับผิดสัญญาไม่ยอมรังวัดแบ่งแยกที่ดินส่วนของจำเลยให้โจทก์ตามข้อตกลงซึ่งจำเลยให้การและฟ้องแย้งว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลยและที่ดินซึ่งโจทก์อ้างว่าจำเลยจะต้องแบ่งแยกแก่โจทก์ไม่ตรงตามข้อตกลงทั้งโจทก์ยังมิได้แบ่งแยกที่ดินของโจทก์ตามข้อตกลงแก่จำเลย โจทก์จึงเป็นฝ่ายผิดสัญญาและโจทก์นำชี้เขตที่ดินของโจทก์รุกล้ำเข้าไปในที่ดินของจำเลยเนื้อที่ประมาณ 6 ตารางวา ขอให้ยกฟ้องและห้ามโจทก์กับบริวารยุ่งเกี่ยวกับที่ดินของจำเลยอีกต่อไปกรณีจึงเป็นเรื่องจำเลยต่อสู้ว่าที่ดินพิพาทเป็นของจำเลย คดีไม่มีประเด็นเรื่องแย่งการครอบครอง ไม่อาจนำบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 มาใช้บังคับแก่การฟ้องคดีของโจทก์ โจทก์จึงมีสิทธิฟ้องคดีหาใช่หมดสิทธิฟ้องดังจำเลยอ้าง ที่ศาลล่างทั้งสองวินิจฉัยว่าคดีโจทก์ไม่ขาดอายุความ ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยในผลเพราะบทบัญญัติแห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1375 เป็นบทบังคับเรื่องกำหนดเวลาสำหรับฟ้อง ซึ่งเป็นระยะเวลาให้สิทธิฟ้องคดีหากไม่ฟ้องภายในกำหนดก็หมดสิทธิฟ้อง มิใช่เรื่องอายุความฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share