คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3571/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

บุคคลผู้วานหรือใช้บุตรผู้เยาว์ของผู้อื่นทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ตน มีหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังดูแลผู้เยาว์ตามสมควรผู้เยาว์อายุ 9 ปีเศษวิญญูชนย่อมเห็นได้ว่ายังอ่อนต่อสติปัญญาและพลกำลัง การที่จำเลยใช้ผู้เยาว์ขึ้นขย่มให้ผลกระท้อนหล่นจากต้น แล้วจำเลยมิได้ใช้ความระมัดระวังในการป้องกันมิให้เกิดอันตรายแก่ผู้เยาว์โดยงดเว้นมิได้ตักเตือนมิให้ผู้เยาว์ทำงานมากเกินไปผู้เยาว์ขย่มต้นกระท้อนอยู่ครึ่งชั่วโมงเป็นเหตุให้แขนไม่มีกำลังพอที่จะยึดเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้ได้จึงตกลงมาตายดังนี้ เป็นการกระทำละเมิดต่อผู้เยาว์ และต่อผู้ใช้อำนาจปกครองของผู้เยาว์ด้วย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้กระทำโดยประมาทเลินเล่อโดยผิดต่อกฎหมายใช้ให้เด็กชายพิจิตร อายุ 10 ปี บุตรโจทก์ขึ้นเก็บผลกระท้อนบนต้นสูง 4 – 5 วาโดยไม่คำนึงว่าเด็กยังมีร่างกายจิตใจความสามารถและความระมัดระวังไม่เพียงพอเป็นเหตุให้เด็กชายพิจิตรพลัดตกลงมาถึงแก่ความตาย ทำให้โจทก์เสียหายขอให้บังคับจำเลยใช้ค่าเสียหาย 20,000 บาทแก่โจทก์

จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้ใช้ให้เด็กชายพิจิตรขึ้นเก็บผลกระท้อนค่าเสียหายตามฟ้องสูงเกินไปและโจทก์ไม่มีสิทธิเรียกจากจำเลย ขอให้ยกฟ้อง

ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยใช้เด็กชายพิจิตรบุตรโจทก์ขึ้นต้นกระท้อนให้จำเลย เด็กชายพิจิตรเคยขึ้นต้นกระท้อนต้นที่เกิดเหตุเสมอ ฟังไม่ได้ว่าจำเลยจงใจหรือประมาทเลินเล่อกระทำต่อโจทก์หรือเด็กชายพิจิตรโดยผิดกฎหมาย การกระทำของจำเลยไม่เป็นละเมิด พิพากษายกฟ้อง

โจทก์อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า การที่จำเลยวานหรือใช้บุตรโจทก์ทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดให้ตนจำเลยมีหน้าที่จะต้องใช้ความระมัดระวังดูแลบุตรผู้เยาว์ของโจทก์ตามสมควรข้อเท็จจริงปรากฏว่าต้นกระท้อนที่จำเลยวานผู้ตายขึ้นขย่มสูง 5 วาเศษ ขณะเกิดเหตุผู้ตายมีอายุ 9 ปีเศษเท่านั้น โดยสามัญสำนึกของวิญญูชนย่อมเห็นได้ว่าผู้เยาว์ยังอ่อนต่อสติปัญญาว่าการที่จะขึ้นไปขย่มให้ผลกระท้อนหล่นลงมาตามประสงค์ของจำเลยนั้นควรจะขึ้นไปขย่มเพียงแค่ไหนและใช้เวลานานสักเท่าใดจึงพอแก่พลกำลัง ตามคำเบิกความของเด็กชายวัฒนา ศักดิ์เพชร เพื่อนผู้ตายซึ่งขณะเกิดเหตุอยู่ใต้ต้นกระท้อนด้วยได้เบิกความเป็นพยานโจทก์ว่า ผู้ตายได้ขึ้นขย่มต้นกระท้อนอยู่ครึ่งชั่วโมงแล้วและมีกระท้อนหล่นลงมาเป็นจำนวนมากประมาณ 200 ผลจึงได้เกิดเหตุ ข้อเท็จจริงที่ศาลอุทธรณ์รับฟังมาก็ไม่ปรากฏว่าขณะที่ผู้ตายขึ้นขย่มกิ่งกระท้อนอยู่นั้น จำเลยได้คอยตักเตือนหรือคอยดูแลห้ามปรามผู้ตายโดยใกล้ชิดหรือห้ามมิให้ผู้ตายขย่มนานเกินสมควรอย่างไรเลย ศาลฎีกาจึงเชื่อว่าการที่ผู้ตายพลัดหล่นลงมาเนื่องจากผู้ตายใช้กำลังหักโหมขย่มกิ่งกระท้อนนานเกินสมควรเป็นเหตุให้ร่างกายอ่อนเพลียแขนไม่มีกำลังที่จะยึดเหนี่ยวกิ่งไม้ไว้ได้ ดังนั้นการที่จำเลยงดเว้นมิได้คอยตักเตือนมิให้ทำงานมากเกินไปจึงเป็นการขาดความระมัดระวังในการที่จะป้องกันมิให้อันตรายบังเกิดแก่ผู้ตายตามหน้าที่ของจำเลยจึงเป็นการกระทำละเมิดต่อผู้ตายและต่อโจทก์ซึ่งเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้ตายด้วยจำเลยจึงต้องรับผิดต่อโจทก์

พิพากษากลับให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 19,500 บาท

Share