แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้น ต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่จำเลยยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้สั่งให้โจทก์ซื้อหลักทรัพย์ในตลาดหลักทรัพย์คือหุ้นบริษัทราชาเงินทุน 200 หุ้น ราคาหุ้นละ 1,010 บาท โจทก์ได้ออกเงินทดรองไป 202,000 บาท และค่าธรรมเนียมอีก 1,010 บาท จำเลยจึงเป็นหนี้โจทก์ตามจำนวนดังกล่าว แต่จำเลยไม่ชำระหนี้ให้โจทก์ ต่อมาโจทก์ได้บอกเลิกสัญญาและให้จำเลยชำระหนี้ภายใน 3 วัน แต่จำเลยไม่ชำระโจทก์จึงเรียกเก็บเงินตามตั๋วสัญญาใช้เงินที่จำเลยจำนำไว้แก่โจทก์นำมาหักหนี้ค่าซื้อหุ้นและค่าธรรมเนียม คงเหลือหนี้ที่จำเลยเป็นหนี้โจทก์134,217.62 บาท ขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การต่อสู้คดีหลายประการและขอให้ศาลยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินให้โจทก์ พร้อมดอกเบี้ย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยได้กล่าวอ้างข้อเท็จจริงซึ่งไม่ปรากฏในสำนวนโดยอ้างเอกสารอันเป็นข้อเท็จจริงแนบมากับอุทธรณ์ เท่ากับกล่าวอ้างข้อเท็จจริงขึ้นมาใหม่และขอให้ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยข้อกฎหมายให้แก่ตนตามข้อเท็จจริงที่ยกขึ้นมานั้น เป็นอุทธรณ์ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 225 วรรคแรก ศาลอุทธรณ์ไม่รับวินิจฉัยพิพากษายกอุทธรณ์ของจำเลย
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้ออุทธรณ์และฎีกาของจำเลยมิใช่เป็นข้อที่ได้ยกขึ้นว่ากันมาแล้วในศาลชั้นต้น จำเลยเพียงยกขึ้นกล่าวอ้างในชั้นอุทธรณ์และฎีกาจึงต้องห้ามมิให้อุทธรณ์และฎีกาตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคแรก และมาตรา 249 วรรคแรก ที่จำเลยฎีกาว่าข้ออุทธรณ์และฎีกาของจำเลยเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชนศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาควรยกขึ้นวินิจฉัยนั้น เห็นว่า ข้อกฎหมายอันเกี่ยวกับความสงบเรียบร้อยของประชาชนที่ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาจะยกขึ้นวินิจฉัยนั้นต้องเกิดจากข้อเท็จจริงในกระบวนพิจารณาโดยชอบ มิใช่ข้อเท็จจริงนอกประเด็นนอกสำนวนที่จำเลยยกมากล่าวอ้างขึ้นใหม่ในชั้นอุทธรณ์และฎีกาที่ศาลอุทธรณ์ไม่วินิจฉัยอุทธรณ์ของจำเลยชอบแล้ว
พิพากษายืน