แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกับพวกสามคนได้สมคบกันลักไก่ของผู้เสียหายไปเมื่อผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไป พวกจำเลยได้ชักมีดออกขู่ไม่ให้ตามการกระทำของจำเลยกับพวกจึงเข้าเกณฑ์เป็นการปล้นทรัพย์
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2510 เวลากลางคืน จำเลยได้บังอาจร่วมกันปล้นเอาไก่ของผู้เสียหายไป โดยใช้มีดปลายแหลมที่ติดตัวไปขู่เข็ญว่าจะแทงทำร้ายนายเทิง สายบุตรกับพวกซึ่งเป็นพวกผู้เสียหายที่ติดตามขัดขวางจำเลยไปในระยะกระชั้นชิด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340, 83 ให้จำเลยคืนหรือใช้ราคาทรัพย์แก่ผู้เสียหายและให้นับโทษจำเลยต่อจากโทษในคดีอาญาดำที่ 1100/2510 ของศาลจังหวัดสุรินทร์ด้วย
จำเลยทั้งสามให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วเห็นว่าหลักฐานพยานโจทก์ไม่มีน้ำหนักพอฟังว่าจำเลยได้ทำผิด พิพากษายกฟ้องโจทก์ปล่อยจำเลยไป
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิจารณาแล้วฟังว่า จำเลยทั้งสามได้สมคบกันปล้นเอาไก่ของผู้เสียหายไปจริง พิพากษาว่าจำเลยทั้งสามมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 340 วรรค 2 และ 83 ลงโทษจำคุกจำเลยคนละ 10 ปี คำรับสารภาพของจำเลยทั้งสามในชั้นสอบสวนมีประโยชน์แก่การพิจารณา จึงปรานีลดโทษให้คนละหนึ่งในสามตามมาตรา 78 คงจำคุกจำเลยไว้คนละ 6 ปี 8 เดือน ให้จำเลยทั้งสามคืนหรือใช้ราคาทรัพย์ที่ยังไม่ได้คืน 30 บาทแก่ผู้เสียหายโดยให้นับโทษจำเลยไปในคดีนี้ เพราะไม่ปรากฏว่าศาลได้พิพากษาคดีที่โจทก์ขอให้นับโทษต่อแล้ว
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยกับพวกได้สมคบกันลักไก่ของผู้เสียหายไปจริง เมื่อผู้เสียหายกับพวกไล่ตามไปห่างบ้านผู้เสียหายประมาณ 3-4 เส้น พวกจำเลยได้ชักมีดออกขู่ไม่ให้ตาม การกระทำของจำเลยกับพวกจึงเข้าเกณฑ์เป็นการปล้นทรัพย์ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน ยกฎีกาจำเลย