แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เช้าวันเกิดเหตุ ครูได้เก็บเอาไม้กระบอกพลุที่เด็กนักเรียนเล่นมาทำลายและห้ามไม่ให้เล่นต่อไปตอนหยุดพักกลางวันนักเรียนคนหนึ่งได้เล่นกระบอกพลุที่นอกห้องเรียนไปโดนนัยน์ตานักเรียนอีกคนหนึ่งบอดพฤติการณ์เช่นนี้ครูได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรแล้วเหตุที่เกิดละเมิดเป็นการนอกเหนืออำนาจและวิสัยที่ครูจะดูแลให้ปลอดภัยได้ครูจึงไม่ต้องรับผิด
มารดาปล่อยให้บุตรเล่นไม้กระบอกพลุที่บ้านและนำไปเล่นที่โรงเรียนจนบุตรมีความชำนาญทำไม้กระบอกพลุให้คนอื่นเล่นได้แสดงว่ามารดาปล่อยปละละเลยไม่ได้ดูแลหรือห้ามปราม แม้เหตุจะเกิดขึ้นที่โรงเรียนลับหลังมารดาก็ตาม ก็หาทำให้มารดาพ้นความรับผิดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นผู้เยาว์ จำเลยที่ 2 เป็นมารดาของจำเลยที่ 1 จำเลยที่ 3 เป็นครูประจำชั้นของจำเลยที่ 1
จำเลยที่ 1 ใช้ไม้พลุทำด้วยไม้ไผ่บรรจุลูกกระดาษเป่ายิงถูกลูกนัยน์ตาข้าวขวาของเด็กชายสุวิทย์แตกและตาบอด ทั้งนี้เพราะจำเลยที่ 2 และ 3 ไม่ได้ใช้ความระมัดระวังดูแลจำเลยที่ 1
จำเลยทั้งสองปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 11,500 บาท ส่วนจำเลยที่ 2, 3 ให้ยกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้จำเลยที่ 2 รับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1 ส่วนจำเลยที่ 3 ให้ยกฟ้อง
โจทก์กับจำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า ข้อเท็จจริงฟังได้ว่า ในตอนเช้าวันเกิดเหตุจำเลยที่ 3 เห็นเด็กนักเรียนเอากระบอกพลุมาเล่นกัน เกรงว่าจะเกิดอันตราย จึงได้เก็บเอาไปทำลายเสีย และห้ามไม่ให้เล่นต่อไปจำเลยที่ 1 ใช้กระบอกพลุยิงโจทก์ในเวลาหยุดพักกลางวันและนอกห้องเรียน จึงเห็นได้ว่าจำเลยที่ 3 ได้ใช้ความระมัดระวังตามสมควรในอันที่จะป้องกันและห้ามปรามมิให้เด็กนักเรียนที่อยู่ในความดูแลเล่นไม้กระบอกพลุซึ่งอาจเป็นอันตรายได้ เหตุละเมิดที่เกิดเป็นการนอกเหนืออำนาจและวิสัยที่จำเลยที่ 3 จะดูแลให้ปลอดภัยได้
ส่วนจำเลยที่ 2 ปล่อยให้จำเลยที่ 1 ซึ่งเป็นบุตรเล่นไม้กระบอกพลุทั้งที่บ้านและโรงเรียนมาก่อนเกิดเหตุละเมิดคดีนี้ จนกระทั่งมีความสามารถทำให้คนอื่นเล่นได้ และได้นำไม้กระบอกพลุจากบ้านไปเล่นที่โรงเรียน แสดงว่าจำเลยที่ 2 ได้ปล่อยปละละเลยไม่ได้ดูแลหรือห้ามปรามจำเลยที่ 1 แม้การทำละเมิดของจำเลยที่ 1 เกิดที่โรงเรียนลับหลังจำเลยที่ 2 ก็หาทำให้จำเลยที่ 2 พ้นความรับผิดไม่
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ ยกฎีกาโจทก์และจำเลยที่ 2