แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์และจำเลยเพียงแต่มีความเห็นโต้แย้งกันเกี่ยวกับความหมายของคำว่า นักบวช ตามพระราชบัญญัติการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2499 มาตรา 18(3) กรณีจึงเป็นเรื่องในทางความคิดเห็นอันเป็นนามธรรม ไม่มีการกระทำอันจะเป็นการกระทบต่อ สิทธิของโจทก์ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยได้ออกหนังสือสั่งการเรื่องคุณสมบัติของผู้เลือกตั้งถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดว่า ผู้ดำรงตำแหน่งอิหม่าน คอเต็บ และบิหลั่น เป็นนักบวชตามศาสนาอิสลาม จึงต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิเลือกตั้ง ซึ่งเป็นคำสั่งและข้อวินิจฉัยที่ไม่ถูกต้องต่อความจริงและไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากโจทก์ผู้ดำรงตำแหน่งคอเต็บและผู้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามและบิหลั่น ไม่ใช่นักบวชหรือนักพรตขอให้เพิกถอนหนังสือสั่งการของจำเลย และให้โจทก์ซึ่งเป็นคอเต็บและผู้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามและบิหลั่นเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้โต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหรือหน้าที่ของโจทก์ โจทก์ไม่มีเหตุจะต้องใช้สิทธิทางศาล ฟ้องโจทก์เคลือบคลุมเนื่องจากรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้วางแนวนโยบายแห่งรัฐให้แยกการเมืองออกจากศาสนาผู้ดำรงตำแหน่งอิหม่ามคอเต็บ และบิหลั่น เป็นนักบวชหรือนักพรต ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว เห็นว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อความตามหนังสือของจำเลยเป็นกรณีที่จำเลยมีความเห็นว่า ตำแหน่งโต๊ะอิหม่าม โต๊ะคอเต็บ และโต๊ะบิหลั่น เป็นนักบวชของศาสนาอิสลาม และแจ้งความเห็นให้ผู้ว่าราชการจังหวัดทราบเป็นทางปฏิบัติต่อไปความเห็นนี้นั้นตามคำฟ้องของโจทก์ก็ยังไม่มีการกระทำที่เกิดขึ้นกับโจทก์แต่ประการใด การที่โจทก์เห็นว่าความเห็นของจำเลยไม่ถูกต้องตามหลักของศาสนาอิสลาม ก็เป็นเรื่องโต้แย้งกันเกี่ยวกับความหมายของคำว่านักบวช จึงเป็นเรื่องโต้แย้งกันในทางความคิดเห็นอันเป็นนามธรรม ไม่มีการกระทำอย่างหนึ่งอย่างใดของจำเลยอันจะเป็นการกระทบต่อสิทธิของโจทก์ จึงไม่อาจถือได้ว่าเป็นการกระทำที่เป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ตามความหมายของมาตรา 55 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง
พิพากษายืน.