คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3545/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อจำเลยซึ่งเป็นผู้ทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาต่อโจทก์ซึ่งเป็นพนักงานสอบสวน ได้ยื่นหนังสือมีข้อความว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัว ส.ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของ อ.และพาตัวอ.มาทำสัญญาประกัน ส. ผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วย โดยสัญญาระบุชื่อ อ. เป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียว กรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวต่อ ส. ผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทำสัญญาประกันนายสำรวล ยอดสิงห์ ผู้ต้องหาไปจากโจทก์ ต่อมาจำเลยขอถอนหลักทรัพย์ดังกล่าวเพื่อจะนำไปขายและนำหลักทรัพย์ของนางอัญชุลี สิทธิเกษร มาเป็นหลักประกันแทนโจทก์อนุญาตและให้นางอัญชุลีทำสัญญาประกันผู้ต้องหาดังกล่าวไว้ด้วย หลังจากนั้นจำเลยและนางอัญชุลีไม่สามารถนำตัวผู้ต้องหาส่งให้โจทก์ตามกำหนดนัดของโจทก์ อันเป็นการผิดสัญญาประกัน จำเลยและนางอัญชุลีจะต้องร่วมกันชำระเงินจำนวน 200,000 บาท แก่โจทก์โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยและนางอัญชุลีตามคดีแพ่งหมายเลขดำที่63/2524 ของศาลชั้นต้น ระหว่างพิจารณา นางอัญชุลีกับโจทก์ทำสัญญาประนีประนอมยอมความว่า นางอัญชุลีจะชำระเงินค่าปรับ200,000 บาท แก่โจทก์และโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยเพื่อฟ้องใหม่ศาลชั้นต้นอนุญาตและพิพากษาตามยอม นางอัญชุลีมิได้ชำระหนี้ให้โจทก์ตามยอมโจทก์จึงฟ้องจำเลยใหม่เป็นคดีนี้ ขอให้บังคับจำเลยชำระเงินจำนวน 275,000 บาท พร้อมกับดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยให้การว่า ฟ้องโจทก์เป็นฟ้องซ้ำและจำเลยไม่ต้องรับผิดตามสัญญาประกันเพราะขอถอนประกันและส่งตัวนายสำรวล ยอดสิงห์ให้แก่โจทก์แล้ว ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 275,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากต้นเงิน 200,000 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ฎีกาว่า จำเลยเพียงขอถอนหลักประกันหรือเปลี่ยนหลักประกันเท่านั้น มิใช่ขอถอนสัญญาประกัน จึงไม่ทำให้สัญญาประกันที่จำเลยทำไว้ต่อโจทก์หมดความรับผิดนั้น ปรากฏว่าหลังจากจำเลยทำสัญญาประกันนายสำรวลผู้ต้องหาต่อโจทก์แล้วต่อมาจำเลยได้ยื่นหนังสือตามสำเนาเอกสารหมายเลข 2 ท้ายฟ้องต่อโจทก์แม้หนังสือฉบับนี้จะระบุหัวข้อเรื่องกำกวมว่าขอถอนเปลี่ยนหลักทรัพย์สัญญาประกัน แต่เนื้อหาก็มีข้อความชัดเจนว่าขอถอนหลักทรัพย์อันเป็นหลักประกันเพื่อนำไปขายให้ผู้อื่น และจำเลยได้มอบตัวนายสำรวลผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์ พร้อมทั้งนำหลักทรัพย์ของนางอัญชุลีและพาตัวนางอัญชุลีมาทำสัญญาประกันนายสำรวลผู้ต้องหาฉบับใหม่ต่อโจทก์ด้วยโดยสัญญาระบุชื่อนางอัญชุลีเป็นผู้ประกันแต่ผู้เดียวกรณีจึงมิใช่เรื่องจำเลยขอเปลี่ยนหลักประกัน แต่เป็นเรื่องขอถอนสัญญาประกันหรือขอถอนหลักประกัน เมื่อจำเลยมอบตัวนายสำรวลผู้ต้องหาคืนต่อโจทก์แล้วเช่นนี้ ความรับผิดของจำเลยตามสัญญาประกันที่จำเลยทำต่อโจทก์ดังกล่าว ย่อมหมดไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 116
พิพากษายืน

Share