แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองไปยังบ้านซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 5 ที่ 6 ตามที่ปรากฏในสัญญาจำนองสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนและสำเนาทะเบียนบ้านทางไปรษณีย์แต่ไม่มีผู้รับตามจ่าหน้า ส.ทนายโจทก์ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ที่ 6 แจ้งย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 35 ถนนราชวิถีแขวงจิตรลดาเขตดุสิตกรุงเทพมหานครเมื่อส.ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 35 เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนเขตดุสิตแจ้งว่าไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว แม้ส.จะยื่นคำร้องขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 35 หลังจากโจทก์ประกาศบอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์ก็เข้าใจได้แล้วว่าในช่วงระหว่างวันที่จำเลยที่ 5ที่ 6 แจ้งย้ายออกจากบ้านภูมิลำเนาเดิมถึงวันที่ ส. ยื่นคำร้องไม่มีบ้านเลขที่ 35 ตั้งอยู่บนถนนราชวิถีแขวงจิตรลดาเขตดุสิตกรุงเทพมหานคร การบอกกล่าวบังคับจำนองโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงชอบแล้ว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันชำระเงินจำนวน13,399,561.80 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 19 ต่อปี ของต้นเงิน13,033,203.80 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าชำระเสร็จให้แก่โจทก์หากไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดใช้หนี้โจทก์หากไม่พอชำระให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกใช้หนี้แก่โจทก์จนครบ
จำเลยทั้งหกขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระหนี้จำนวน 11,318,097.84 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยแก่โจทก์ หากจำเลยทั้งสี่ไม่ชำระให้บังคับจำนองที่ดินพร้อมสิ่งปลูกสร้างของจำเลยที่ 5 และที่ 6 ออกขายทอดตลาดชำระหนี้โจทก์ หากชำระหนี้ให้โจทก์ไม่ครบตามจำนวนเงินในสัญญาจำนองแต่ละฉบับให้นำทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 5 หรือที่ 6 แล้วแต่กรณีออกขายทอดตลาดชำระหนี้จำนองที่ขาดจำนวนอยู่จนครบ
จำเลยที่ 5 และที่ 6 ร้องขอให้พิจารณาใหม่ ศาลชั้นต้นไต่สวนคำร้องแล้วมีคำสั่งอนุญาต
จำเลยที่ 5 และที่ 6 ให้การว่า จำเลยที่ 5 และที่ 6 ไม่เคยจำนองที่ดินหรือสิ่งปลูกสร้างใด ๆ ประกันหนี้ไว้แก่โจทก์โจทก์และลูกจ้างของโจทก์ทำปลอมหนังสือมอบอำนาจที่ใช้ในการจดทะเบียนจำนอง สัญญาจำนองจึงเป็นโมฆะข้อตกลงในหนังสือต่อท้ายสัญญาจำนองให้ผู้จำนองรับผิดไม่เกินวงเงิน 900,000 บาท2,500,000 บาท และ 800,000 บาท โจทก์จึงไม่มีสิทธิเรียกร้องเกินวงเงินดังกล่าว โจทก์ไม่ได้ส่งคำบอกกล่าวบังคับจำนองไปตามที่อยู่ใหม่ของจำเลยที่ 5 ที่ 6 ทางไปรษณีย์ก่อน การบอกกล่าวโดยประกาศทางหนังสือพิมพ์จึงเป็นการบอกกล่าวที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายโจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้องบังคับจำนอง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 5 และที่ 6 ร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ชำระหนี้ให้แก่โจทก์ตามจำนวนวงเงินในสัญญาจำนองแต่ละฉบับพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี และ 19 ต่อปีตามที่ระบุไว้ในสัญญาจำนองแต่ละฉบับ นับแต่วันที่ 11 ธันวาคม 2527เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ หากไม่ชำระให้บังคับจำนองที่ดินและสิ่งปลูกสร้างตามสัญญาจำนองเพื่อชำระหนี้ให้แก่โจทก์ หากได้เงินไม่พอชำระหนี้ตามสัญญาจำนองแต่ละฉบับให้นำทรัพย์สินอื่นของจำเลยที่ 5 หรือที่ 6 แล้วแต่กรณีออกขายทอดตลาดชำระหนี้จำนวนที่ขาดอยู่จนครบ
จำเลยที่ 5 และที่ 6 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 5 และที่ 6 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองแก่จำเลยที่ 5 และที่ 6 ส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียนตอบรับไปยังบ้านเลขที่483/1 ถนนศรีอยุธยา แขวงถนนพญาไท เขตพญาไท กรุงเทพมหานครซึ่งเป็นภูมิลำเนาของจำเลยที่ 5 ที่ 6 ตามที่ปรากฏในสัญญาจำนองเอกสารหมาย จ.51 จ.52 จ.53 สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนเอกสารหมายป.ล.22 ป.ล.23 ของศาลจังหวัดระยอง และสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย ป.ล.24 ของศาลจังหวัดระยอง แต่ส่งไม่ได้เพราะไม่มีผู้รับตามจ่าหน้าตามเอกสารหมาย จ.17 จ.16 เมื่อนายสุมิตร์ ร่มเย็นทนายโจทก์ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้าน ปรากฏว่าจำเลยที่ 5 ที่ 6แจ้งย้ายไปอยู่บ้านเลขที่ 35 ถนนราชวิถี แขวงจิตรลดา เขตดุสิตกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2526 ตามสำเนาทะเบียนบ้านเอกสารหมาย จ.18 แต่เมื่อนายสุมิตร์ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่35 ดังกล่าว เจ้าหน้าที่สำนักทะเบียนเขตดุสิตแจ้งว่าไม่มีบ้านเลขที่ดังกล่าว ถึงแม้ว่าคำร้องขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านตามเอกสารหมาย จ.50จะได้ยื่นเมื่อวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2528 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากโจทก์ประกาศบอกกล่าวบังคับจำนองทางหนังสือพิมพ์ตามเอกสารหมาย จ.19 ก็ตาม แต่ก็เข้าใจได้แล้วว่าในช่วงระหว่างวันที่จำเลยที่ 5 ที่ 6 แจ้งย้ายออกจากบ้านเลขที่ 483/1 ตามเอกสารหมายจ.18 ถึงวันที่นายสุมิตร์ขอคัดสำเนาทะเบียนบ้านเลขที่ 35 ตามเอกสารหมาย จ.50 ไม่มีบ้านเลขที่ 35 ตั้งอยู่ที่ถนนราชวิถีแขวงจิตรลดา เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร ดังนั้นการที่โจทก์บอกกล่าวบังคับจำนองโดยวิธีประกาศทางหนังสือพิมพ์ตามเอกสารหมาย จ.19จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน