คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 924/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เจ้าหนี้ยื่นคำร้องว่าทรัพย์ที่ยึดเป็นสินบริคณห์ ขอให้แยกสินบริคณห์ซึ่งถูกศาลยึดทรัพย์มาขายทอดตลาดแยกเป็นส่วนของสามี ดังนี้ ไม่ใช่เป็นการร้องขัดทรัพย์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความ แพ่ง มาตรา 288 หากแต่เป็นการขอแบ่งแยกสิบริคณห์ (ประชุมใหญ่ครั้งที่ 8/2503)
การขอเฉลี่ยทรัพย์ คือการขอให้ได้รับชำระหนี้ โดยส่วนเฉลี่ยกับเจ้าหนี้ผู้ทำการยึดทรัพย์จากทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้ ส่วนการขอแบ่งแยกสินบริคณห์ คือ การขอเอาส่วนอันเป็นส่วนของลูกหนี้ผู้ร้องออกมา
การที่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษายื่นคำร้องขอเฉลี่ยและได้เฉลี่ยว่า เป็นสินบริคณห์ก็มิได้ทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะขอแบ่งสินบริคณห์มาชำระหนี้หายไป เจ้าหนี้ย่อมที่จะยื่นคำร้องขอแบ่งสินบริคณห์ของลูกหนี้ได้อีก

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์ได้นำเจ้าพนักงานยึดที่ดินสวนยาง ๑ แปลง ของจำเลยซึ่งศาลได้ขายทอดตลาดไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ ๓๐ เมษายน ๒๕๐๒ ได้เงิน ๓๑,๑๐๐ บาทต่อมาวันที่ ๓ มิถุนายน ๒๕๐๒ ผู้ร้องยื่นคำร้องว่าเป็นเจ้าหนี้นายวิชัยสามีจำเลยตามคำพิพากษาของศาลคดีแดงที่ ๙๖/๒๕๐๒ ยังมิได้ชำระหนี้ ขอให้แยกสินสมรสอันเป็นสินบริคณห์ส่วนของนายวิชัยสามี จำนวนเงิน ๑๕,๕๕๐ บาท ชำระหนี้ผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นเห็นว่า ผู้ร้องยื่นคำร้องเกินกำหนดเวลาร้องขอให้ปล่อยทรัพย์ให้ยกคำร้อง แต่ศาลอุทธรณ์ให้ยกคำสั่งศาลชั้นต้น ให้รับคำร้องของผู้ร้องไว้ พิจารณาพิพากษาต่อไป
โจทก์ฎีกาว่า ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเฉลี่ยทรัพย์ไว้ครั้งหนึ่งแล้ว มิได้ขอแยกสินบริคณห์ โจทก์จึงยอมให้เฉลี่ยได้เป็นอันยุติแล้ว ต่อมาผู้ร้องกลับมาร้องอีกว่า ขอแบ่งแยกสินบริคณห์สมรสเป็นการไม่ชอบด้วยกฎหมาย หากยอมให้ผู้ร้องร้องได้ใหม่ คดีย่อมไม่มีสิ้นสุดกันเลย
ศาลฎีกาวินิจฉัยโดยมติที่ประชุมใหญ่เห็นว่า กรณีนี้หาตกอยู่ภายใต้ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๒๘๘ ไม่ เพราะไม่ใช่การร้องขัดทรัพย์หากแต่เป็นการขอแบ่งแยกสินบริคณห์
การขอเฉลี่ยทรัพย์ คือการขอให้ได้รับชำระหนี้ โดยส่วนเฉลี่ยกับเจ้าหนี้ผู้ทำการยึดทรัพย์จากทรัพย์ของลูกหนี้ที่เจ้าหนี้ยึดไว้ ส่วนการขอแบ่งแยกสินบริคณห์ คือ การขอเอาส่วนอันเป็นส่วนของลูกหนี้ผู้ร้องออกมา กรณีจึงต่างกัน การที่ผู้ร้องได้เฉลี่ย แม้ผู้ร้องจะไม่ได้กล่าวไว้ในชั้นขอเฉลี่ยว่าเป็นสินบริคณห์ มิทำให้สิทธิของเจ้าหนี้ในการที่จะขอแบ่งสินบริคณห์มาชำระหนี้หายไป ส่วนที่โจทก์ว่า ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่มีที่สิ้นสุดนั้น เมื่อผู้ร้องมีเหตุที่จะร้องตามกฎหมายและร้องมาภายในขอบเขตของกฎหมาย ศาลก็ย่อมจะรับไว้พิจารณา
พิพากษายืน

Share