แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำนองแก่ที่ดินของจำเลยซึ่งอยู่ที่ ำบลบ้านเกาะ จังหวัดอุตรดิตถ์ อันอยู่ในเขตศาลจังหวัดอุตรดิตถ์ คำฟ้องบังคับจำนองที่ดินเป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์เพราะต้องมีการบังคับคดีแก่ตัวทรัพย์นั้น โจทก์จึงมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ในเขตศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ทวิ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 553,198.95 บาท แก่โจทก์พร้อมด้วยดอกเบี้ยในอัตราร้อยละ 17.5 ต่อปี ของต้นเงิน 543,871.19บาท นับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ถ้าไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์ หากได้เงินสุทธิไม่เพียงพอก็ขอให้ยึดทรัพย์สินอื่นของจำเลยออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้แก่โจทก์จนครบ
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า จำเลยมิได้มีภูมิลำเนาอยู่ในเขตศาลนี้และมูลคดีก็มิได้เกิดในเขตศาลนี้เช่นกัน ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงไม่รับคำฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกาโดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาข้อกฎหมายตามอุทธรณ์ของโจทก์ว่าโจทก์มีสิทธิฟ้องคดีนี้ต่อศาลชั้นต้น (ศาลจังหวัดอุตรดิตถ์) หรือไม่ในปัญหาข้อนี้เห็นว่า โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำนองแก่ที่ดินของจำเลยซึ่งตามคำฟ้องปรากฏว่าอยู่ที่ตำบลบ้านเกาะ อำเภอเมืองอุตรดิตถ์อันอยู่ในเขตศาลชั้นต้น คำฟ้องบังคับจำนองที่ดินเช่นนี้ย่อมเป็นคำฟ้องเกี่ยวด้วยอสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากจะต้องมีการบังคับคดีแก่ตัวทรัพย์นั้น โจทก์จึงมีสิทธิเสนอคำฟ้องต่อศาลที่อสังหาริมทรัพย์นั้นตั้งอยู่ในเขตศาลได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 4 ทวิ ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับคำฟ้องเสียนั้น เป็นการไม่ชอบ อุทธรณ์ของโจทก์ฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้รับคำฟ้องของโจทก์ไว้ดำเนินการต่อไป