คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ตามบันทึกการรับรถคันที่เช่าซื้อคืนไม่ปรากฏว่ารถมีความเสียหายเกี่ยวกับเครื่องยนต์ เบรก ช่วงล่าง และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและได้ความว่าโจทก์ยึดรถในขณะที่จำเลยที่ 1 นำออกใช้งานตามปกติและรถเพิ่งใช้ได้เพียง 9,000 กิโลเมตร ประกอบกับโจทก์มิได้นำสืบให้เห็นว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการใช้ปราศจากความระมัดระวัง เยี่ยงวิญญูชน อันเป็นความผิดปกติอย่างไร จำเลยที่ 1 จึงไม่ต้องรับผิดค่าซ่อมรถต่อโจทก์.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เช่าซื้อรถยนต์กระบะจากโจทก์ 1 คันจำเลยที่ 1 ผิดนัดไม่ชำระเงินค่าเช่าซื้อตั้งแต่งวดที่ 2 เป็นต้นไปสัญญาเช่าซื้อเป็นอันเลิกกัน โจทก์ยึดรถยนต์ที่เช่าซื้อคืนได้แต่อยู่ในสภาพเสียหายมาก โจทก์ต้องซ่อมแซมโดยช่างประเมินราคาซ่อมเป็นเงิน 47,633 บาท และโจทก์ต้องเสียหายเนื่องจากขาดประโยชน์จากการใช้รถยนต์ที่เช่าซื้อ ซึ่งอาจให้บุคคลอื่นเช่าได้ขอให้บังคับจำเลยทั้งสองชำระเงิน 51,633 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ18 ต่อปี
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและไม่สืบพยาน
จำเลยที่ 2 ให้การว่า รถยนต์ตามฟ้องเสียหายอย่างมากไม่เกิน1,000 บาท ส่วนค่าขาดประโยชน์หากโจทก์เสียหายจริงก็ไม่เกิน1,000 บาท
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสองชำระเงินจำนวน 5,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 18 ต่อปี นับแต่วันฟ้อง (6 พฤษภาคม2529) เป็นต้นไปแก่โจทก์จนกว่าจะชำระเสร็จ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วเห็นว่า นอกจากจำเลยที่ 2จะยอมรับว่า รถยนต์คันที่เช่าซื้อมีรอยบุบที่ประตูด้านซ้ายเนื่องจากถูกรถจักรยานยนต์เฉี่ยวแล้ว ขณะที่เจ้าหน้าที่ของโจทก์ยึดรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนก็ได้ทำบันทึกไว้ตามเอกสารหมาย จ.8 ว่าไฟใหญ่หน้าด้านขวาแตก ไฟหรี่ด้านหน้าซ้ายและด้านหลังซ้ายแตกนอกจากนี้ก็มีรอยยุบที่บังโคลนหน้าและหลังด้านซ้ายกับที่กระโปรงหน้า ซึ่งตามเอกสารดังกล่าวจำเลยที่ 1 ได้ลงชื่อไว้ในฐานะผู้มอบรถด้วย แต่ก็ไม่ปรากฏว่าความเสียหายมีจำนวนมากน้อยเพียงใดจึงเป็นไปได้ว่าบางรายการอาจจะเสียหายเพียงเล็กน้อยซึ่งอาจเกิดขึ้นเนื่องจากการใช้รถยนต์คันที่เช่าซื้อในธุรกิจของจำเลยที่ 1ตามปกติก็เป็นได้ ดังจะเห็นได้จากรายการประเมินค่าซ่อมรถรับคืนเอกสารหมาย จ.9 แผ่นที่ 2 ซึ่งมีรายการเปลี่ยนอุปกรณ์เฉพาะไฟหน้าด้านขวาและไฟหรี่ด้านซ้ายอย่างละ 1 ดวง เป็นเงิน 465 บาทเท่านั้นหาได้มีรายการเปลี่ยนไฟหรี่ด้านหลังซ้ายไม่ สำหรับค่าแรงการเปลี่ยนอุปกรณ์และเคาะพ่นสีรอยบุบอื่น ๆ นอกเหนือจากค่าซ่อมรอยบุบที่ประตูด้านซ้ายซึ่งไม่ปรากฏความเสียหายมากน้อยเพียงใด จึงเห็นสมควรกำหนดเพิ่มให้อีก 1,000 บาท ซึ่งความเสียหายในส่วนนี้จำเลยทั้งสองจะต้องรับผิดต่อโจทก์ตามสัญญาเช่าซื้อข้อ 5 ส่วนรายการความเสียหายเกี่ยวกับเครื่องยนต์ ปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง หัวฉีดคลัตซื เบรก ช่วงล่างและอื่น ๆ นั้น ไม่ปรากฏความเสียหายในเบื้องต้นตามเอกสารหมาย จ.8 ทั้งยังได้ความว่าโจทก์ยึดรถยนต์คันที่เช่าซื้อคืนในขณะที่จำเลยที่ 1 นำออกใช้งานตามปกติ ประกอบกับจำเลยที่ 1 เพิ่งจะใช้รถยนต์คันที่เช่าซื้อได้เพียง 10 เดือนเป็นระยะทางประมาณ 9,000 กิโลเมตรเท่านั้น จึงไม่น่าเชื่อว่ารถยนต์คันที่เช่าซื้อจะเสียหายจริงถึงขนาดจะต้องซ่อมตามรายการดังกล่าวที่โจทก์อ้างว่าความเสียหายดังกล่าวเกิดจากการใช้โดยปราศจากความระมัดระวังเยี่ยงวิญญูชน แต่โจทก์ก็หาได้นำสืบให้เห็นถึงความผิดปกติดังกล่าวไม่จำเลยทั้งสองจึงไม่ต้องรับผิดชอบในความเสียหายดังกล่าว…”
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินค่าซ่อมรถยนต์ที่เช่าซื้อเพิ่มอีก 1,465 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยร้อยละ18 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนถึงวันชำระเสร็จแก่โจทก์ นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share