แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การใช้อาวุธปืนยิงคนนั้นธรรมดาย่อมสันนิษฐานว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าให้ตายการที่จะวินิจฉัยว่าผู้ยิงไม่มีเจตนาจะฆ่าจึงต้องมีเหตุผลแสดงให้ประจักษ์ว่า ปืนนั้นไม่ดีพอที่จะทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยใช้ปืนลูกซองสั้นยิงนายตาโดยเจตนาฆ่านายตาให้ถึงตาย แต่กระสุนไม่ถูกที่สำคัญนายตาจึงไม่ตายดังเจตนาขอให้ลงโทษตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 249, 60
จำเลยให้การรับว่า ยิงนายตาจริง เพื่อจะขู่และป้องกันชีวิตศาลชั้นต้นฟังว่า จำเลยผิดกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60 ให้ลงโทษจำคุก 13 ปี 4 เดือน ลดตามมาตรา 59 ให้ 1 ใน 3 คงจำคุก 8 ปี 10 เดือน 20 วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์เห็นว่า ยังสันนิษฐานไม่ได้ว่าจำเลยตั้งใจฆ่านายตาเพราะปืนที่ใช้ยิงเป็นปืนลูกซองยาวคืบเศษ มีแรงขับกระสุนอ่อนมากไม่สามารถทำให้ถึงตายจำเลยน่าจะรู้ถึงความไม่ร้ายแรงนี้ พิพากษาแก้ว่าจำเลยผิดตามกฎหมายลักษณะอาญามาตรา 254 จำคุก 1 ปี 6 เดือน ลดตามมาตรา 59 เสีย 1 ใน 3 คงจำคุก 1 ปี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่าจำเลยใช้ปืนยิงนายตาโดยเจตนาปัญหาต่อไปมีว่าจำเลยมีเจตนาจะฆ่าหรือไม่นั้น เห็นว่าการใช้ปืนยิงนั้น ธรรมดาย่อมสันนิษฐานว่าผู้ยิงมีเจตนาจะฆ่าให้ตาย การที่จะวินิจฉัยว่าผู้ยิงไม่มีเจตนาจะฆ่า จึงต้องมีเหตุผลแสดงให้ประจักษ์ว่า ปืนนั้นไม่ดีพอจะทำให้ผู้ถูกยิงถึงตายได้ คดีนี้ไม่มีใครโต้เถียงและพิสูจน์เช่นนั้น การกระทำของจำเลยจึงไม่พ้นหลักสันนิษฐานดังกล่าวแล้วจำเลยมีผิดฐานพยายามฆ่าคนตายตามกฎหมายลักษณะอาญา มาตรา 249, 60 พิพากษาแก้ให้จำคุก 15 ปี ลดตามมาตรา 60 คงจำคุก 10 ปี ลดตามมาตรา 59 กึ่งหนึ่ง เหลือจำคุก 5 ปี