คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 353/2503

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ถ้ามีการปลอมใบมอบอำนาจให้ทำการขายฝากที่ดิน ผู้รับซื้อก็ไม่ได้กรรมสิทธิ์ ผู้รับซื้อจะอ้างว่าเป็นผู้รับโอนโดยสุจริตไม่ได้ เพราะการโอนย่อมมีไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ 1866/2484)
การที่โจทก์ลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้เขาเอาที่ดินมีโฉนดของตนไปทำการอย่างหนึ่งโดยไม่ได้กรอกข้อความในใบมอบอำนาจ เขากลับยักยอกลายมือชื่อนั้นไปทำการขายฝากที่ดินเสีย เมื่อผู้ซื้อรับโอนโดยสุจริต โจทก์จะอ้างความประมาทเลินเล่อของตนมาเพิกถอนนิติกรรมนั้น โดยอ้างว่านิติกรรมเป็นโมฆะหาได้ไม่สุจริตด้วยกันผู้ประมาทเลินเล่อย่อมเป็นผู้เสียเปรียบ (อ้างฎีกาที่ 491/2482)

ย่อยาว

ได้ความว่า โจทก์กับนางเขียนภริยา เซ็นต์ชื่อในใบมอบอำนาจเกี่ยวกับที่ดินมีโฉนดโดยไม่ได้กรอกข้อความเพื่อให้นายกสินธ์ไปทำการอย่างหนึ่ง แต่ผู้รับมอบกลับยักยอกลายมือชื่อนั้นไปทำการขายฝากที่ดินแก่จำเลย ๆ รับซื้อฝากไว้โดยสุจริต
โจทก์ฟ้องขอให้ศาลพิพากษาว่า การโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาทเป็นโมฆะ สั่งให้จำเลยจัดการถอนชื่อจำเลยออกจากโฉนดที่พิพาทและใส่ชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ที่ดินพิพาท
ศาลฎีกาพิพากษายืนตามศาลทั้งสอง ให้ยกฟ้องโจทก์
ข้อวินิจฉัยของศาลฎีกามีว่า ถ้าเป็นใบมอบอำนาจปลอมจำเลยก็ไม่ได้ไปซึ่งกรรมสิทธิ์ จะอ้างว่าเป็นผู้รับโอนโดยสุจริตมิได้ เพราะการโอนย่อมมีไม่ได้ (อ้างฎีกาที่ ๑๘๖๖/๒๔๙๔) แต่ข้อเท็จจริงฟังได้ชัดว่า เอกสารการมอบอำนาจนี้ไม่ใช่เป็นเอกสารปลอม การที่โจทก์ลงลายมือชื่อมอบอำนาจลงลายมือชื่อมอบอำนาจให้เขาไปทำการอย่างหนึ่ง เขากลับยักยอกลายมือชื่อนั้นไปทำการอีกอย่างหนึ่ง เมื่อผู้ซื้อรับโอนโดยสุจริต โจทก์จะอ้างความประมาทเลินเล่อของตนมาเพิกถอนนิติกรรมนั้น โดยอ้างว่านิติกรรมเป็นโมฆะหาได้ไม่สุจริตด้วยกันผู้ประมาทเลินเล่อย่อมเป็นผู้เสียเปรียบ (อ้างฎีกาที่ ๔๙๑/๒๔๘๒)

Share