แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินของตนให้จำเลยที่2 ขณะที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดนั้นให้โดยการครอบครองปรปักษ์ การครอบครองปรปักษ์นั้นมิได้ก่อให้เกิดหนี้แก่จำเลยที่ 1 เป็นเพียงกฎหมายรับรองหรือให้สิทธิโจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นเท่านั้น จำเลยที่ 1 ไม่มีหนี้จะต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสอง จึงไม่มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสองเป็นผู้ครอบครองปรปักษ์ที่ดินมีโฉนดของจำเลยที่ 1 จนได้กรรมสิทธิ์ทางครอบครองแล้ว และได้ฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้โอนที่ดินและมอบโฉนดให้โจทก์ทั้งสอง คดีอยู่ระหว่างพิจารณา จำเลยที่ 1 จดทะเบียนเป็นนิติกรรมอำพรางโอนขายที่ดินดังกล่าวให้จำเลยที่ 2 เป็นการกระทำร่วมกันโดยเจตนาทุจริตเพื่อมิให้เจ้าหนี้ของตนหรือผู้อื่นได้รับชำระหนี้ทั้งหมดซึ่งได้ใช้หรือจะใช้สิทธิเรียกร้องทางศาลให้ชำระหนี้ ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350, 83
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วมีคำสั่งประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
โจทก์ทั้งสองอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ทั้งสองฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 1 จดทะเบียนโอนขายที่ดินของตนให้จำเลยที่ 2 ขณะที่โจทก์ทั้งสองฟ้องจำเลยที่ 1 ขอให้ศาลบังคับจำเลยที่ 1 โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินมีโฉนดนั้นให้โดยการครอบครองปรปักษ์ การครอบครองปรปักษ์ดังกล่าวตามที่โจทก์กล่าวอ้างนั้นมิได้ก่อให้เกิดหนี้แก่จำเลยที่ 1 ผู้เป็นเจ้าของที่ดิน เป็นเพียงกฎหมายรับรองหรือให้สิทธิโจทก์ทั้งสองได้กรรมสิทธิ์ในที่ดินนั้นเท่านั้น จำเลยที่ 1 ไม่มีหนี้จะต้องชำระแก่โจทก์ทั้งสอง การกระทำของจำเลยทั้งสองไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 350
พิพากษายืน